ผู้จัดการรายวัน360 - ทีซีซีแลนด์ฯ สยายปีกปั้นแบรนด์ใหม่ “ไฮเวย์” เสริมทัพ เน้นทำเลติดถนนหลวง เดินหน้าขยายศูนย์การค้าในเครือ 3 แบรนด์ตามแผนด้วยงบ 10,000 ล้านบาท
นายณภัทร เจริญกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มรีเทล บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ในเครือกลุ่มทีซีซีแลนด์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาที่ดินใหม่อีกโมเดลในชื่อว่า “ไฮเวย์” มีลักษณะคล้ายกับปั๊มน้ำมัน จะเน้นทำเลถนนที่ติดทางหลวงเป็นหลัก ขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ขึ้นไป ลงทุนประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อสาขา เป็นทั้งจุดพักรถ ทั้งร้านค้าสินค้าโอทอป, ร้านอาหาร และโรงแรมขนาดเล็ก เป็นต้น ไว้บริการ ซึ่งเบื้องต้นนี้วางเป้าหมายจะก่อสร้างและเปิดบริการสาขาแรกประมาณปี 2560 และตั้งเป้าหมายภายในปี 2562 จะมีทั้งหมด 5 สาขา
ทั้งนี้ ไฮเวย์ จะเป็นแบรนด์ที่ 6 ของบริษัทฯ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 5 แบรนด์ คือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, เกตเวย์, เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์, พันธุ์ทิพย์ และบ็อกซ์ สเปซ รวมมูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการเดิมบริษัทฯ ยังลงทุนต่อเนื่องด้วยงบลงทุนรวม 10,000 ล้านบาท ตามแผนงานที่วางไว้ 5 ปีจากนี้ คือปี 2558-2562 เนื่องจากมองว่าแนวโน้มตลาดค้าปลีกจะยังเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากกำลังซื้อใหม่ที่จะเข้ามาในไทยมากขึ้นหลังจากการเปิดเออีซี และจะพัฒนาที่ดินของบริษัททั้งหมดซึ่งมีอยู่ถึง 3 แสนไร่ทั่วประเทศในปัจจุบัน ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังรุกขยายธุรกิจศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องภายในปี 2562 จะมีพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มเป็น 3.5 แสนตารางเมตร
โดยจะเน้นขยาย 3 แบรนด์หลัก คือ 1. เอเชียทีคฯ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท ขยายสาขาไปยังหัวเมืองจังหวัดท่องเที่ยวประมาณ 6 แห่ง เช่น จ.เชียงใหม่, จ.ภูเก็ต, อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี, พัทยา จ.ชลบุรี และหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนในกรุงเทพฯ เตรียมจะขยายเฟส 2 และเฟส 3 คาดว่าต้องใช้งบลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท
2. เกตเวย์ มีแผนจะขยายเพิ่ม 2 แห่ง ลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท เน้นแหล่งชุมชนที่ยังไม่มีศูนย์การค้าใดๆ ในรัศมี 5-10 กิโลเมตร และ 3. แบรนด์สุดท้าย บ็อกซ์ สเปซ คอมมูนิตีมอลล์รูปแบบใหม่ในตู้คอนเทนเนอร์ วางเป้าจะเปิดอีก 3-4 ทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ลงทุน 1,500 ล้านบาท จากปี 2559 โดยสาขาแรกเปิดแล้วที่รัชโยธิน และจะมีที่บางนา-สรรพาวุธ 1 พื้นที่ประมาณ 40 ไร่ ติดริมแม่น้ำ
บริษัทคาดว่าหลังจากขยายธุรกิจตามแผนงานแล้ว ภายในปี 2562 จะมีรายได้รวมประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท กำไร 3,500 ล้านบาท โดยในปี 2558 คาดมีรายได้ 2,000 ล้านบาท มีกำไร 1,000 ล้านบาท และปี 2559 จะมีรายได้ 2,700 ล้านบาท กำไร 1,500 ล้านบาท
นายณภัทร เจริญกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มรีเทล บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ในเครือกลุ่มทีซีซีแลนด์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาที่ดินใหม่อีกโมเดลในชื่อว่า “ไฮเวย์” มีลักษณะคล้ายกับปั๊มน้ำมัน จะเน้นทำเลถนนที่ติดทางหลวงเป็นหลัก ขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ขึ้นไป ลงทุนประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อสาขา เป็นทั้งจุดพักรถ ทั้งร้านค้าสินค้าโอทอป, ร้านอาหาร และโรงแรมขนาดเล็ก เป็นต้น ไว้บริการ ซึ่งเบื้องต้นนี้วางเป้าหมายจะก่อสร้างและเปิดบริการสาขาแรกประมาณปี 2560 และตั้งเป้าหมายภายในปี 2562 จะมีทั้งหมด 5 สาขา
ทั้งนี้ ไฮเวย์ จะเป็นแบรนด์ที่ 6 ของบริษัทฯ จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 5 แบรนด์ คือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, เกตเวย์, เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์, พันธุ์ทิพย์ และบ็อกซ์ สเปซ รวมมูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการเดิมบริษัทฯ ยังลงทุนต่อเนื่องด้วยงบลงทุนรวม 10,000 ล้านบาท ตามแผนงานที่วางไว้ 5 ปีจากนี้ คือปี 2558-2562 เนื่องจากมองว่าแนวโน้มตลาดค้าปลีกจะยังเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากกำลังซื้อใหม่ที่จะเข้ามาในไทยมากขึ้นหลังจากการเปิดเออีซี และจะพัฒนาที่ดินของบริษัททั้งหมดซึ่งมีอยู่ถึง 3 แสนไร่ทั่วประเทศในปัจจุบัน ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังรุกขยายธุรกิจศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องภายในปี 2562 จะมีพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มเป็น 3.5 แสนตารางเมตร
โดยจะเน้นขยาย 3 แบรนด์หลัก คือ 1. เอเชียทีคฯ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท ขยายสาขาไปยังหัวเมืองจังหวัดท่องเที่ยวประมาณ 6 แห่ง เช่น จ.เชียงใหม่, จ.ภูเก็ต, อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี, พัทยา จ.ชลบุรี และหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนในกรุงเทพฯ เตรียมจะขยายเฟส 2 และเฟส 3 คาดว่าต้องใช้งบลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท
2. เกตเวย์ มีแผนจะขยายเพิ่ม 2 แห่ง ลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท เน้นแหล่งชุมชนที่ยังไม่มีศูนย์การค้าใดๆ ในรัศมี 5-10 กิโลเมตร และ 3. แบรนด์สุดท้าย บ็อกซ์ สเปซ คอมมูนิตีมอลล์รูปแบบใหม่ในตู้คอนเทนเนอร์ วางเป้าจะเปิดอีก 3-4 ทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ลงทุน 1,500 ล้านบาท จากปี 2559 โดยสาขาแรกเปิดแล้วที่รัชโยธิน และจะมีที่บางนา-สรรพาวุธ 1 พื้นที่ประมาณ 40 ไร่ ติดริมแม่น้ำ
บริษัทคาดว่าหลังจากขยายธุรกิจตามแผนงานแล้ว ภายในปี 2562 จะมีรายได้รวมประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท กำไร 3,500 ล้านบาท โดยในปี 2558 คาดมีรายได้ 2,000 ล้านบาท มีกำไร 1,000 ล้านบาท และปี 2559 จะมีรายได้ 2,700 ล้านบาท กำไร 1,500 ล้านบาท