ทายาทซัมมิทจ่อร่วมทุนญี่ปุ่น ปั้นครัวซองต์ไทยากิลุยอาเซียน

ผู้จัดการรายวัน360 - ทายาทซัมมิทพิชิตฝันลุยธุรกิจเบเกอรีเต็มสูบ สเต็ปสอง พร้อมร่วมทุนเจแปนบุกตลาดเออีซีในปีหน้า เปิดฉากอินโดนีเซียน่าลงทุนมากสุด ส่วนในไทยพร้อมขยายร้าน “ครัวซองต์ไทยากิ” อีก 10-15 สาขา จากปีนี้เปิดได้ 21 สาขา ปิดรายได้ที่ 170ล้านบาท หวังโตต่อเนื่อง 10% ทุกปี

นายกรกฤช จุฬางกูร ประธานบริษัท สเพลนดิด จำกัด ทายาทกลุ่มซัมมิท คอร์ปอเรชั่น ผู้นำเข้าและซื้อแฟรนไชส์ร้านขนมเบเกอรีในชื่อ “ครัวซองต์ไทยากิ” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ซื้อแฟรนไชส์ ครัวซองต์ไทยากิ มาทำตลาดในไทยเป็นระยะเวลา 6 ปี โดยทางญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญในเรื่องของการขยายสาขาเป็นหลัก โดยต้องทำให้ได้ 35 สาขา ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ได้บังคับ

แต่ปีแรกบริษัทสามารถขยายสาขาได้แล้วกว่า 18 สาขา เป็นกรุงเทพฯ 15 สาขา และต่างจังหวัด 3 สาขา และจะเปิดอีก 3 สาขา รวมเป็น 21 สาขาในสิ้นปีนี้ และปีหน้าเตรียมขยายเพิ่มอีก 10-15 สาขา โดย 10 สาขาจะเป็นแฟรนไชส์ จะเห็นว่าบริษัทสามารถขยายสาขาได้มากกว่าแผนที่วางไว้ ดังนั้นจึงอาจจะมีการรีวิวแผนใหม่ในเรื่องของการขยายสาขาเพิ่มขึ้น

ส่วนในเรื่องอื่นๆ ทางญี่ปุ่นให้อิสระอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสูตรรสชาติเมนูใหม่ๆ หรือเครื่องดื่มใหม่ๆ รวมกว่า 22 รายการที่จำหน่ายในไทย จากปกติที่ญี่ปุ่นจะมีเพียง 2 รสชาติ คือ ถั่วแดง และคัสตาร์ดเย็น โดยถั่วแดงถือเป็นรสชาติหลักที่คนไทยนิยมเช่นกัน รวมถึงเผือกและแห้วที่คิดค้นขึ้นมา ซึ่งทางบริษัทแม่สนใจจะนำไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นด้วย บริษัทฯ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขาย 150-170 ล้านบาท เติบโตปีละ 10% ต่อเนื่องทุกปี โดยที่ผ่านมาสาขาที่ลงทุนเองจะอยู่ที่ 1 ล้านกว่าบาทต่อสาขา

นายกรกฤชกล่าวด้วยว่า เดิมการพูดคุยกับทางญี่ปุ่นเน้นซื้อแฟรนไชส์มาทำตลาดในไทยเท่านั้น แต่จากการตอบรับที่ดี บวกกับจะมีการเปิดตลาดเออีซี ทำให้ทางไทยและญี่ปุ่น หรือสเพลนดิด กับฮอตแลนด์ ภายในปีนี้จะมีการเจรจากันเพื่อร่วมทุนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาดูแลตลาดอาเซียนต่อไป โดยทางสเพลนดิดจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และจะเริ่มทำตลาดอาเซียนได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

ประเทศแรกที่จะเข้าไปทำตลาด คือ อินโดนีเซีย วางไว้ 10 สาขา ตามด้วยสิงคโปร์ 3 สาขา และมาเลเซีย 1 สาขา ซึ่งโมเดลในการเข้าไปลงทุนในแต่ละประเทศนั้นมีทั้งลงทุนเอง ขายแฟรนไชส์ และร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่น อนาคตจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ต่อไป ขณะที่สเพลนดิดยังคงให้ความสำคัญและดูแลตลาดในไทย แยกการบริหารจัดการออกเป็นคนละบริษัทกับการทำตลาดในเออีซี