ครัวซองต์ไทยากิรูปปลา แบรนด์ Croissant Taiyaki เป็นขนมแบรนด์ฮิตระดับ Top 5 ของญี่ปุ่นอีกแบรนด์หนึ่ง ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวซื้อมาแล้วในญี่ปุ่น จนต้องขยายสาขาไปกว่า 100 แห่ง ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปีเท่านั้น
วันนี้ Croissant Taiyaki เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวในไทยบ้างแล้ว จากการนำเข้าแฟรนไชส์ของกลุ่ม “จุฬางกูร” จาก ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี
เป็นอีกก้าวที่น่าจับตาของกลุ่มจุฬางกูร ในการแตกไลน์ธุรกิจขยายมาสู่ธุรกิจอาหารและขนมหวาน ภายใต้ชื่อบริษัท โพรโพสซอล
บริษัทนี้มี “กรกฤช จุฬางกูร” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 70% โดยมีพี่ชายของกรกฤช “ณัฐพล จุฬางกูร” และ “บงกรกช เตะชะเจริญวิกุล” เพื่อนสนิทที่มีประสบการณ์จากการเป็นผู้แทนจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มตราสินค้าชั้นนำจากหลากหลายประเทศ ร่วมถือหุ้นด้วย
กรกฤช เล่าถึงไอเดียในการนำเข้าขนมหวานญี่ปุ่นแบรนด์ Croissant Taiyaki ว่า พยายามที่จะหาโปรดักส์อะไรใหม่ๆเข้ามานำเสนอในเมืองไทย จึงได้ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการขยายไลน์ธุรกิจตรงนี้ขึ้น ก่อนหน้านี้ สำรวจดูขนมไว้หลายตัว แต่สุดท้ายแล้วก็มาได้ Croissant Taiyaki
“มันอาจจะเป็นเรื่องความบังเอิญ ตรงที่ว่าตอนแรกผมไปติดต่อนำเข้าร้านราเม็งเข้ามาร้านหนึ่ง แต่ว่าผลการคุยมันไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนั้นเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่แล้ว (2557) เราพอจะมีเวลา สุดท้ายแล้วก็ใช้เวลาในช่วงนั้นที่อยู่ญี่ปุ่น ตระเวนหาร้านอื่นดู
ตอนนั้นก็มีตัวเลือกเป็นร้านขนมญี่ปุ่นอยู่หลายร้าน แต่พอมาเจอตัว Croissant Taiyaki ก็รู้สึกเลยว่าต้องเป็นร้านนี้อย่างแน่นอน ด้วยตัวโปรดักส์ที่มีความโดดเด่น หลังจากที่ลองชิม ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่า Croissant Taiyaki น่าจะประสบความสำเร็จในเมืองไทยอย่างแน่นอน”
ขนมปลาไทยากิ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในประเทศญี่ปุ่น อาจจะรวมถึงในไทยด้วย แต่ความพิเศษของขนมปลาไทยากิแบรนด์ Croissant Taiyaki นั้น อยู่ตรงที่การใช้แป้งครัวซองต์แทนแป้งแบบดั้งเดิม เนื่องจากไทยากิแบบดั้งเดิม ต้องกินตอนทำใหม่ๆร้อนๆ ถึงจะมีความกรอบนอกนุ่มใน แต่จะกรอบได้ไม่นานมาก บางร้านที่เคร่งครัดมากๆ จะไม่ให้ซื้อกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ ต้องซื้อแล้วกินทันทีเท่านั้น เพราะกลัวเสียชื่อทางร้าน
จากปัญหาตรงนี้ เจ้าของแบรนด์ Croissant Taiyaki จึงคิดค้นกรรมวิธีใหม่ๆ ที่จะช่วยทำให้ไทยากิกรอบนานขึ้น ด้วยการทำแป้งครัวซองต์สูตรพิเศษหนาถึง 24 ชั้น ได้ทั้งความกรอบนอก และนุ่มหนึบข้างใน ที่สำคัญคือกรอบนานขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝาก ถ้าอยากกินแบบร้อนๆก็เอามาอุ่นในไมโครเวฟได้ ซี่งจะมีวิธีการอุ่นบอกอยู่ข้างกล่อง
ส่วนจุดเด่นในเรื่องของรสชาติ ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ตัวแป้งครัวซองต์จะถูกเคลือบด้วยเกล็ดน้ำตาลเกล็ดใหญ่ เมื่อผ่านการอบด้วยเตาที่พิมพ์รูปปลาแล้ว น้ำตาลบางเกล็ดก็จะละลายเคลือบแป้งให้มีรสชาติหวาน บางเกล็ดที่ไม่ละลายก็จะเกาะอยู่ที่ผิวแป้ง เวลากัดแล้วจะรู้สึกๆกรุบๆอยู่ในปาก
“สำหรับตัว Croissant Taiyaki ก็นับว่าเป็นโปรดักส์ที่มีการต่อยอด พัฒนาขึ้นมาจากไทยากิในแบบเดิมๆ ภายใต้ชื่อร้านกินโนะอัน ซึ่งตัวไทยากิทำมาจากแป้งแบบเหลว หากินได้ทั่วไปในญี่ปุ่น แต่หลังจากที่มีการพัฒนาสูตร ปรับเปลี่ยนมาเป็นใช้แป้งครัวซองต์ ก็เลยทำให้โปรดักส์ตัวนี้มีความโดดเด่นมาก เจ้าของเลยแตกไลน์ออกมาเป็นแบรนด์ Croissant Taiyaki โดยตรง
ช่วงที่เราไปติดต่อเขานั้น แบรนด์ Croissant Taiyaki เพิ่งเปิดขายในญี่ปุ่นได้ประมาณแค่ 8 เดือนเท่านั้น ก็ถือว่าเราโชคดีมากที่ไปเจอเขาเร็ว และเราเองก็ตัดสินใจเร็วที่รีบติดต่อเขาไป ตอนนั้นมีเวลาในการเตรียมเอกสารแค่ 2 วันเท่านั้น และเป็นจังหวะที่เขากำลังคุยกับคู่แข่งอีกรายพอดี แต่สุดท้ายแล้วก็บิดชนะมาได้ ก็ดีใจที่เขาเลือกเรา”
ในที่สุด โพรโพสซอล ก็ชนะประมูลคู่แข่ง ได้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ หรือเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยในธุรกิจอาหารและขนมหวานแบรนด์ Croissant Taiyaki ของบริษัท ฮอทแลนด์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเม็ดเงิน 8 หลัก และมีสิทธิที่จะซับแฟรนไชส์ต่อได้อีกด้วย
Croissant Taiyaki เป็นแบรนด์ขนมหวานที่ประสบความสำเร็จมากในญี่ปุ่น หลังจากการเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน 2556 อีก 6 เดือนต่อมา ก็มียอดขายสะสม 6.4 ล้านชิ้น นั่นหมายความว่า สามารถขายได้ถึงเดือนละ 1 ล้านชิ้น จากความนิยมดังกล่าว ทำให้ Croissant Taiyaki ขยายไปแล้วถึง 100 สาขา ทั่วประเทศญี่ปุ่น
“เกี่ยวกับเรื่องของการซื้อแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่นนั้น เราติดต่อมาหลายเจ้า แต่ละเจ้าก็มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกัน อย่างแบรนด์ Croissant Taiyaki ที่เรานำเข้ามานี้ ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างง่าย เพราะตัวเจ้าของก็ยังอายุไม่เยอะ และก็สร้างธุรกิจนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง เราก็จะคุยกันได้ง่าย ความสัมพันธ์มันไม่ได้มีแต่เชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียว
ในส่วนของข้อตกลงต่างๆในการซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์ครั้งนี้ สิ่งที่บริษัทแม่ฮอทแลนด์ให้ความสำคัญมาก ก็คือ เรื่องการขยายสาขา ซึ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องขยายให้ได้ 35 สาขา ภายใน 6 ปี ส่วนเรื่องของรายละเอียดอื่นๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากซื้อแฟรนไชส์ในเจ้าอื่นๆมากนัก ค่าส่วนแบ่งยอดขายก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับสินค้าอื่นๆที่อยู่ในท้องตลาดเมืองไทย
สำหรับการวาง Positioning ของกลุ่มลูกค้านั้น จริงๆแล้วขนมที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น หรือมีไลเซ่นส์มาจากญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะตั้งราคาที่สูง แต่โจทย์ที่เราได้รับมา คือ ต้องขยายให้ได้ถึง 35 สาขา ภายใน 6 ปี นี่คือต่อรองลงมาแล้ว ลดจาก 100 สาขา
การที่จะขยายสาขาจำนวนมากขนาดนี้ การตั้งราคาถือเป็นเรื่องสำคัญ เราคงไม่สามารถตั้งเป้าหมายว่า จะขายเฉพาะในตัวห้างที่อยู่กรุงเทพชั้นใน ดังนั้นจึงต้องมีการกดราคาลงมา ให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม สามารถขายได้ตามหัวเมืองใหญ่ๆ หรือว่าตามจังหวัดใหญ่ๆได้ด้วยเหมือนกัน เลยตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 60- 70 บาท ที่ญี่ปุ่นขาย 220 - 240 เยน ซึ่งก็เป็นราคาที่ใกล้เคียงกันมากกับที่ขายในไทย”
กรกฤชใช้เวลาในการตกลงทางธุรกิจ และเตรียมงานอีกสักระยะ ช่วงปลายปี 2557 ที่ผ่านมา Croissant Taiyaki ก็เริ่มต้นวางจำหน่ายในไทยได้แล้ว
ถึงจะเป็นการนำเข้าธุรกิจจากกลุ่มบริษัทใหญ่ ที่มีเม็ดเงินในการลงทุนทางด้านโฆษณา แต่คนรุ่นใหม่อย่างกรกฤช เลือกที่จะใช้สื่อที่ทันสมัย และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่าง Social Mediaเป็นสื่อหลักในการประชาสัมพันธ์ และทำการตลาด
“การตลาดเป็น Strategy สำคัญ ที่จะทำให้โปรดักส์ประสบความสำเร็จ จะทำอย่างไรให้สินค้าของเรามันน่าสนใจกว่าขนมทั่วไป ก็เริ่มจากการให้เพื่อนที่เป็นดารา นักแสดง หรือคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ มาช่วยประชาสัมพันธ์ให้ ซึ่งก็มีแค่ 2 ช่องทางเท่านั้น คือ Facebook กับ Instagram
เพื่อนๆก็จะช่วยกันถ่ายรูปคู่กับตัวสินค้าให้ เพื่อให้เราเอามาลง Facebook กับ Instagram ทำให้ได้รับความสนใจมาก หลังจากทยอยลงรูปไป ก็มีคนเข้ามาติดตาม และกดไลค์รูปจำนวนเยอะ และก็จะคอมเม้นท์เข้ามาถามใต้ภาพว่า จะเปิดร้านเมื่อไร ที่ไหน จะมาอุดหนุน เพราะเห็นดารากินแล้วก็อยากกินตาม
ทางเราเองก็จะคอยอัพเดทเรื่องรายละเอียด ว่าจะเปิดขายที่ไหน เปิดขายเมื่อไร ปัจจุบันนี้มียอดกด like เพจใน Facebook ประมาณ 7,000 กว่า ส่วนใน Instagram นั้น มีคนติดตามอยู่มากถึง 46,000 คนแล้ว”
ก็ถือว่าคิดถูกจริงๆ ที่นำสื่อ Social Media มาใช้ในการทำตลาด เพราะลงทุนน้อยมาก แต่ได้ผลตอบรับกลับมาแบบถล่มทลาย
Croissant Taiyaki เปิดขายครั้งแรกที่ร้าน Eight ทองหล่อ ในลักษณะของการทดลองขายชั่วคราวแค่ 2 วัน เพื่อดูผลตอบรับ
“หลังจากทุกอย่างพร้อม เราก็ทดลองขายครั้งแรกในช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่ร้าน Eight ทองหล่อ เป็นเวลาแค่ 2 วันเท่านั้น ลูกค้าที่เขาติดตามเราอยู่จาก Facebook และ Instagram เขาก็จะรู้ จะตามไปซื้อกัน
ผลตอบรับก็ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายมากๆ 2 วันแรกที่เปิดทดลองขาย ยังไม่ได้มีการต่อคิว เพราะเราจะเปิดรับจองแล้วก็ให้ลูกค้ามารับอีกครั้งหนึ่ง เช่น มาสั่งไว้ตอนเช้า เลิกงานตอนเย็นมาเอา บางคนจองข้ามวันก็มี มาสั่งซื้อสินค้าวันนี้แล้วมารับสินค้าในวันต่อไป เนื่องจากเป็นช่วงทดลองขาย เพื่อดูการรับรู้ของลูกค้า จึงไม่ได้เอาเตาไปเยอะ เอาไปแค่ 2 ตัวเท่านั้น
บูธชั่วคราวครั้งที่ 2 อยู่ที่เอสพละนาด รัชดาฯ ก็เปิดขาย 2 วันอีกเหมือนเดิม วันที่ 13-14 ธันวาคม 2557 ตอนนี้เริ่มมีกระแสต่อคิวซื้อเกิดขึ้น เพราะเราเปิดขายแค่ 2 วันเท่านั้น
หลังจากนั้น ก็ไปออกบูธชั่วคราวครั้งที่ 3 ที่ดิจิตอล เกตเวย์ สยามสแควร์ ที่นี่เราจะขายนานประมาณเดือนครึ่ง เพราะกลุ่มลูกค้าที่เยอะ และหลากหลาย โดยขายตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม และกลับมาขายที่เอสพละนาด รัชดาฯ อีกครั้ง จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะเปิดขายเต็มตัวในรูปแบบของร้านค้าถาวรในช่วงเดือนมีนาคม 2558”
การเปิดบูธขายชั่วคราว เป็นอีกกลยุทธ์การตลาดของกรกฤช ที่ต้องการกระตุ้นให้ลูกค้า เกิดความต้องการในตัวสินค้ามากขึ้น ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจทุกครั้ง โดยเฉพาะที่ดิจิตอล เกตเวย์ สยาม ที่เกิดปรากฏการณ์ต่อแถวซื้อขนมขึ้น บางคนต้องต่อแถวนานถึง 4 ชั่วโมง บางคนมาเข้าแถวรอตั้งแต่ 7 โมงเช้า ในขณะที่ร้านเปิดขายในเวลา 11.00-20.00 น. ยอดขายสูงสุดที่ขายได้ต่อวัน อยู่ที่ 2,500 ชิ้น
สำหรับร้านขายถาวรนั้น นอกจากสาขาเอสพละนาด รัชดาฯ แล้ว ภายในเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ยังได้เปิดตัวร้านถาวรอีก 2 สาขา ได้แก่ เมกา บางนา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม และสาขาเอ็มควอเทียร์ ในวันที่ 27 มีนาคม 58
ด้วยรูปแบบ และวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกันของชาวญี่ปุ่นกับชาวไทย Croissant Taiyaki ที่วางจำหน่ายในไทยนั้น จึงมีจุดแตกต่างจากที่ญี่ปุ่นเล็กน้อย ในเรื่องของไส้ขนม
“ที่ญี่ปุ่นกับที่เมืองไทยจะมีไส้ที่แตกต่างกันออกไป อย่างที่ญี่ปุ่นเขาจะมีถั่วแดงเป็นไส้ยืนพื้น และก็จะมีอีกไส้เป็นไส้ที่ 2 ซึ่งจะมีการสลับหมุนเวียนเปลี่ยนไป แล้วแต่ช่วงเทศกาล
ของเมืองไทยเอง เราก็อยากจะทำให้เหมือนที่ญี่ปุ่น แต่ด้วยความต้องการ และวัฒนธรรมการกินที่ไม่เหมือนกัน ทำให้คนไทยอยากจะมีไส้รองเยอะๆหลายหลาก แต่มันก็มีข้อจำกัดด้วยเหมือนกัน ในปัจจุบันก็เลยขายไส้หลักอยู่ที่ 3 ไส้ คือถั่วแดง และคัสตาร์ดเย็น ซึ่งได้รับความนิยมมากในไทย เราจะใช้ 2 ไส้นี้เป็นตัวยืนพื้น ต่างจากทางญี่ปุ่นที่มีเพียงถั่วแดงไส้เดียว
ส่วนไส้หลักตัวที่ 3 นั้น แต่ละสาขาจะแตกต่างกันไป ที่เอสพลานาด จะเป็นไส้ชาเขียว เมกา บางนา ไส้ทูน่าคอร์นสลัด ส่วนสาขาเอ็มควอเทียร์จะเป็นไส้แฮมชีส
อันนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการทำตลาดในแบบของเรา แต่ละร้านจะได้มีเอกลักษณ์ มีความความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป ถ้าอยากกินครบทุกรสชาติ ก็ต้องไปหาซื้อทั้ง 3 สาขา”
ปัจจุบันนี้ กรกฤชใช้โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ย่านบางนา-ตราด เป็นฐานในการผลิตสินค้า ก่อนจะกระจายวัตถุดิบไปตามสาขาต่างๆ
สำหรับเรื่องที่ต้องโฟกัสมากเป็นพิเศษหลังจากนี้ไป คือ การเร่งขยายสาขาให้ได้ครบ 35 แห่ง ภายในเวลา 6 ปี ตามที่ระบุไว้ในสัญญา
“ในเรื่องของการขยายสาขา ตอนนี้ก็มีการเซ็นสัญญากับห้างต่างๆ แล้วมากมาย ที่จะเปิดตัวในเร็วๆนี้ ก็จะมีสาขาสยามเซ็นเตอร์ ดิจิตอล เกตเวย์ สยามสแควร์ และเซ็นทรัลเวิล์ด ที่จริงเราติดต่อกับทางเซ็นทรัลไว้หลายสาขามาก แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาเลยยังไม่ขอพูดละกัน
ในส่วนของหัวเมืองใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็นพัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ หาดใหญ่ โคราช ขอนแก่น พวกนี้เราจะไปเองทั้งหมด แต่ว่าในส่วนที่เหลือ ก็คงจะมีการขายซับแฟรนไชส์ออกไป ซึ่งรายละเอียด และข้อตกลงต่างๆ ในการขายซับแฟรนไชส์นั้น ก็จะต้องรีบทำให้เสร็จ ภายในปีนี้ให้ได้ จะได้เปิดขายพร้อมกันไป ทั้งในกรุงเทพ หัวเมือง และตามจังหวัดอื่นๆ”
หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ ก็น่าจะคืนทุนได้ภายในเวลา 2 ปี ส่วนยอดขายในแต่ละสาขานั้น หากขั้นต่ำขายได้ 700 ชิ้นต่อวัน ก็จะมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 20 ล้านบาท
ล่าสุด มีร้านอาหารญี่ปุ่นหลายราย ให้ความสนใจที่จะนำ Croissant Taiyaki ไปวางขายเป็นเมนูขนมหวานภายในร้านอีกด้วย
ถึงจะไม่มีพื้นฐานในการทำธุรกิจอาหารและขนมหวานมาก่อน แต่กรกฤชก็มั่นใจว่า พื้นฐานในการบริหารธุรกิจที่ผ่านมา
รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ในทุกวงการ จะช่วยให้ธุรกิจขนมหวานตัวแรกที่แตกไลน์ออกมาจากธุรกิจในกลุ่มยานยนต์ ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
วิธีคิดในการมองหาโอกาสใหม่ๆในตลาดขนมของกรกฤช ต้องบอกว่าน่าสนใจมากทีเดียว
@@@ ข้อมูลโดยนิตยสาร SMEs PLUS @@@
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *