ผู้จัดการรายวัน 360 - ได้เวลาลุย “ค้าปลีก” ไตรมาสสุดท้าย คาดเม็ดเงินสะพัดหลายหมื่นล้านบาท โตจากปีก่อน 20% “ดิ เอ็ม ดิสทริค” ทุ่ม 400 ล้านบาทจัด 4 งานยักษ์รับปลายปี
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานบริหาร บริษัท ดิ เอ็มโพเรี่ยม กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกไตรมาสสุดท้ายปี 2558 คาดว่าจะมีเงินสะพัดหลายหมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเติบโตขึ้น 20% จากสภาพเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น หลังจากที่อั้นการใช้จ่ายมาตั้งแต่ต้นปี มาจากปัจจัยหลัก 4 ข้อ คือ 1. ไตรมาสสี่เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยว 2. ผู้ประกอบการหลายๆ ส่วนเตรียมจัดงานเคานต์ดาวน์มากขึ้น 3. ผู้บริโภคกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาในการจับจ่าย และ 4. ร้านค้าเตรียมจัดโปรโมชันต้อนรับ
“โดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยว สิ้นปีนี้เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาไทยรวมแล้วสูงถึง 29-30 ล้านคน ในช่วงนี้เริ่มเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนและเออีซีที่มาไทยมากขึ้น เพื่อการชอปปิ้งกับกลุ่มสินค้าลักชัวรีแบรนด์โดยเฉพาะ รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับกีฬา และรับประทานอาหาร รวมถึงรัสเซียและยุโรปเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่มาไทยจะอยู่ที่ 50,000-100,000 บาท และมียอดการชอปปิ้งต่อครั้งไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 บาท ตลาดท่องเที่ยวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค้าปลีก 3 เดือนนี้มีโอกาสโตถึง 20%”
จากแนวโน้มที่กำลังดีขึ้น “ดิ เอ็ม ดิสทริค” จึงใช้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาทจัดงานไม่ต่ำกว่า 3-4 งานในไตรมาส 4 ล่าสุดใช้งบ 100 ล้านบาทจัดงาน “ดิ เอ็ม ดิสทริค พรีเซนต์ แบงค็อก อิสลูมิเนชั่น 2558” ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 58-3 ม.ค. 59 ซึ่งเป็นเทศกาลศิลปะแสงผสานเทคโนโลยีเต็มรูปแบบครั้งแรกของไทยและยิ่งใหญ่สุดในเอเชีย รวมพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางเมตร แสดงผลงานจากศิลปินทั้งไทยและเทศกว่า 40 ราย มั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน และจะใช้งบการตลาดอีก 300 ล้านบาท จัดอีก 3 งาน คือ 5 ธ.ค. คริสต์มาส และเคานต์ดาวน์ เป็นต้น มั่นใจว่าจะส่งผลให้จำนวนทราฟฟิกเพิ่มขึ้นจากปกติได้อีก 20%
ในปี 2559 ธุรกิจค้าปลีกน่าจะดีขึ้นเพราะมีแต่ปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ได้รับความคลี่คลายไปเกือบหมดแล้ว ทั้งเรื่องการเมืองในบางประเทศ หรือการลงทุนที่มองว่าจากเดิมนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไปจะแห่กลับมาลงทุนในไทยมากขึ้น ที่สำคัญเออีซีคือตลาดที่น่าลงทุนในปีหน้า และไทยคือศูนย์กลางเออีซีจะเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นได้เป็นอย่างดี
นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานบริหาร บริษัท ดิ เอ็มโพเรี่ยม กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกไตรมาสสุดท้ายปี 2558 คาดว่าจะมีเงินสะพัดหลายหมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนเติบโตขึ้น 20% จากสภาพเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น หลังจากที่อั้นการใช้จ่ายมาตั้งแต่ต้นปี มาจากปัจจัยหลัก 4 ข้อ คือ 1. ไตรมาสสี่เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยว 2. ผู้ประกอบการหลายๆ ส่วนเตรียมจัดงานเคานต์ดาวน์มากขึ้น 3. ผู้บริโภคกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาในการจับจ่าย และ 4. ร้านค้าเตรียมจัดโปรโมชันต้อนรับ
“โดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยว สิ้นปีนี้เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาไทยรวมแล้วสูงถึง 29-30 ล้านคน ในช่วงนี้เริ่มเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนและเออีซีที่มาไทยมากขึ้น เพื่อการชอปปิ้งกับกลุ่มสินค้าลักชัวรีแบรนด์โดยเฉพาะ รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับกีฬา และรับประทานอาหาร รวมถึงรัสเซียและยุโรปเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่มาไทยจะอยู่ที่ 50,000-100,000 บาท และมียอดการชอปปิ้งต่อครั้งไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 บาท ตลาดท่องเที่ยวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค้าปลีก 3 เดือนนี้มีโอกาสโตถึง 20%”
จากแนวโน้มที่กำลังดีขึ้น “ดิ เอ็ม ดิสทริค” จึงใช้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาทจัดงานไม่ต่ำกว่า 3-4 งานในไตรมาส 4 ล่าสุดใช้งบ 100 ล้านบาทจัดงาน “ดิ เอ็ม ดิสทริค พรีเซนต์ แบงค็อก อิสลูมิเนชั่น 2558” ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 58-3 ม.ค. 59 ซึ่งเป็นเทศกาลศิลปะแสงผสานเทคโนโลยีเต็มรูปแบบครั้งแรกของไทยและยิ่งใหญ่สุดในเอเชีย รวมพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางเมตร แสดงผลงานจากศิลปินทั้งไทยและเทศกว่า 40 ราย มั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน และจะใช้งบการตลาดอีก 300 ล้านบาท จัดอีก 3 งาน คือ 5 ธ.ค. คริสต์มาส และเคานต์ดาวน์ เป็นต้น มั่นใจว่าจะส่งผลให้จำนวนทราฟฟิกเพิ่มขึ้นจากปกติได้อีก 20%
ในปี 2559 ธุรกิจค้าปลีกน่าจะดีขึ้นเพราะมีแต่ปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ได้รับความคลี่คลายไปเกือบหมดแล้ว ทั้งเรื่องการเมืองในบางประเทศ หรือการลงทุนที่มองว่าจากเดิมนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไปจะแห่กลับมาลงทุนในไทยมากขึ้น ที่สำคัญเออีซีคือตลาดที่น่าลงทุนในปีหน้า และไทยคือศูนย์กลางเออีซีจะเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นได้เป็นอย่างดี