xs
xsm
sm
md
lg

มั่นใจฝูงชนทะลัก 2 ล้านคนร่วมงาน “มหกรรมหนังสือฯ ครั้งที่ 20”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานแสดงหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20 โดยมี “จรัญ หอมเทียนทอง” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ให้การต้อนรับ
สร้างสีสันใหม่ให้โลกหนังสือ ผ่านกิจกรรมอ่าน-เขียนจาก 421 สำนักพิมพ์ ครั้งแรกกับกิจกรรมคึกคักนักวาด และต่อเส้น เติมชีวิต การ์ตูนไทย ครั้งแรกของการรวมตัวศิลปินระดับชาติและซีไรต์กว่า 10 ท่าน รังสรรค์บทกวีมอบให้ โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น นำไปประมูล หาทุนสนับสนุนสร้างการอ่านอย่างมีคุณภาพ

เปิดแล้วอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20” (Book Expo Thailand 2015) โดย “พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานแสดงหนังสือระดับชาติที่ได้รับความสนใจและรอคอยจากบรรดาคนรักการอ่านมาตลอด โดยในปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สวนกระแสเศรษฐกิจ พร้อมทั้งมีสำนักพิมพ์ไทยตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 421 สำนักพิมพ์ รวมทั้งสิ้น 933 บูธ บนพื้นที่ประมาณ 2.1 หมื่นตารางเมตร

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชน อาทิ นิทรรศการการ์ตูนไทยตายแล้ว? / นิทรรศการบทกวีเพื่อจัดประมูลจากศิลปินระดับชาติ ณ บริเวณเมนฟอร์เย่ / นิทรรศการย้อนตำนานสตรีสาร 100 ปี คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง / ‘มิวเซียมสยามมินิ’ คำไทย ใครทำ : หลากหลาย คือไทยแท้ ณ ฮอลล์เอ / นิทรรศการสืบไพร ทุ่งใหญ่ตะวันตก ณ โซนซี 1 อีกทั้งยังมีการจัดอบรมทั้งวิชาการและวิชาชีพกว่า 50 รายการตามห้องประชุมต่างๆ รวมถึงการเสวนาบนเวทีกลางกว่า 80 รายการ

“จรัญ หอมเทียนทอง” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ในฐานะผู้จัดงาน กล่าวว่า ในฐานะองค์กรที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมการอ่าน เล็งเห็นว่าหนังสือและการอ่านถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เพราะคนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของการที่จะพัฒนาประเทศในทิศทางต่างๆ ถ้าคนในชาติอ่านมากขึ้นก็จะมีความรู้ ความคิด และวิจารณญาณในการพิจารณาประเด็นต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาตัวเอง เราจำเป็นต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศก้าวเดินได้อย่างมั่นคง

การจัดงานครั้งนี้อยู่ภายใต้แนวคิด “วาด” เชื่อมโยงกับนิทรรศการไฮไลท์ของงานคือ “การ์ตูนไทยตายแล้ว?” ที่ทางผู้จัดคัดเลือกการ์ตูนทุกภาพทุกเรื่องเล่ามาแสดงในนิทรรศการแบบสามมิติครั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสะกิดสังคมให้คิดถึงอนาคตทั้งในระดับปัจเจกและระดับชาติในวันที่เราทุกคนจะต้องมาเริ่มต้นวาดทุกอย่างใหม่ร่วมกัน

“วาดหมายถึงว่าในยามนี้คุณอยากวาดอะไรก็วาดไป ทุกคนมาเริ่มต้นกันใหม่ประเทศนี้ อยากวาดฝันประเทศอย่างไร อนาคตอย่างไร สอดคล้องกับคีย์วิชวลของงานครั้งนี้ที่ภาพลายเส้นในการวาดทั้งหมด มีนัยยะที่ซ่อนอยู่มากกว่าความเป็นภาพวาดธรรมดาให้ได้ตีความกัน ซึ่งจะวาดฝันประเทศชาติ เศรษฐกิจ วาดอนาคตตัวเอง หนังสือคือส่วนหนึ่งของความรู้ที่เป็นคำตอบ” นายจรัล กล่าว
นิทรรศการ “การ์ตูนไทยตายแล้ว?”
ในส่วนของนิทรรศการนั้น แม้การ์ตูนจะเป็นวัฒนธรรมที่นำเข้าจากตะวันตก แต่ก็เช่นเดียวกับวัฒนธรรมอื่นๆ เมื่องอกเงยในสังคมไทยต่างก็มีการให้ความหมายและใช้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน บ้างก็ใช้ล้อเพื่อความบันเทิง บ้างก็ใช้เพื่อแสดงจุดยืนทางความคิดและความเชื่อ แต่ทั้งหมดยังอยู่ในจุดร่วมเดียวกันคือมีท่าทีที่ทีเล่นทีจริง วัฒนธรรมการ์ตูนได้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการอ่านไปแล้ว ลายเส้นของการ์ตูนกลับเป็นตัวสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกไม่น้อยไปกว่าตัวอักษร

แต่การ์ตูนเป็นเพียงแค่ภาพล้อให้รู้สึกขบขันเท่านั้นจริงๆ ?
หรือการ์ตูนไม่ได้ให้ความรู้และแรงบันดาลใจแก่ผู้อ่านเลยหรือ ?
และการ์ตูนไม่ได้ปลูกฝังความเชื่อและอุดมการณ์ของยุคสมัยไว้หรืออย่างไร ?

“ท่ามกลางกระแสการปิดตัวลงของนิตยสารการ์ตูนและแนวโน้มการลดการผลิตหนังสือการ์ตูนแบบรวมเล่มของสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์การ์ตูนญี่ปุ่นที่แสดงให้เห็นว่ายอดขายหนังสือการ์ตูนได้ลดลงอย่างมากจนผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างหนักนั้น รวมถึงแล้วการ์ตูนไทยยังที่ทางอยู่ไหม นี่คือบางส่วนของคำถามที่เราตั้งใจจะชวนมาหาคำตอบร่วมกัน” นายจรัญ กล่าว

นอกจากนี้ในนิทรรศการใหญ่นี้ยังมี “นิทรรศการ 100 ปี ประยูร จรรยาวงษ์ ราชาการ์ตูนไทย” อีกด้วย โดย “ประยูร จรรยาวงษ์” ได้สร้างชื่อเสียงแก่วงการนักเขียนการ์ตูนไทยเมื่อผลงานการทดลองระเบิดปรมาณูลูกสุดท้ายได้รางวัลชนะเลิศการประกวดการ์ตูนสันติภาพที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่มีผลงานการเขียนการ์ตูนการเมืองออกมาอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัลของมูลนิธิ “รามอน แมกไซไซ” สาขานักหนังสือพิมพ์ ในปี 2514

ไม่เพียงแต่เรื่องการเมืองเท่านั้น เขายังถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่เขาได้มีประสบการณ์เรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตของตน ผ่านการ์ตูนชุด “ขบวนการแก้จน” เริ่มตั้งแต่ปี 2515-2521 จนได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างมากในหนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ” มายาวนานกว่า 20 ปี ทั้งยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรจะได้อ่านซึ่งในคำประกาศได้บอกว่าเป็น “อัญมณีทางการ์ตูนที่หาได้ยากยิ่ง” ถือเป็นประจักษ์พยานได้เป็นอย่างดีถึงความเป็นอมตะในผลงานของราชาการ์ตูนไทยผู้นี้

ที่สำคัญอย่างยิ่งคือกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างมีคุณภาพ “โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น” ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ 27 ตุลาคม 2558 สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่านด้วยหนังสือคุณภาพ จัดงาน “๑ อ่าน ล้านตื่น” โดยมอบคูปองให้เด็กด้อยโอกาสจากหน่วยงานต่างๆ จำนวน 200 คน คนละ 500 บาท มาเลือกซื้อหนังสือด้วยตนเองซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการสร้างนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน

ในปีนี้สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ยังได้รับเกียรติอย่างสูงจากกวีและศิลปินชื่อดังระดับประเทศ อาทิ ประภัสสร เสวิกุล ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนจากไป, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, จิระนันท์ พิตรปรีชา, เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละท่านร่วมมอบบทกวีเขียนด้วยลายมือตนเอง เพื่อประมูลนำรายได้เข้าโครงการ “๑ อ่าน ล้านตื่น” ซึ่งถือเป็นโครงการแรกที่ให้สิทธิ์ผู้รับบริจาคในการเลือกหนังสือได้ด้วยตนเอง ตามรายการหนังสือที่สมาชิกส่งมาเข้าร่วมโครงการ โดยได้ผ่านการพิจารณาจากผู้แทนของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย เพื่อให้แน่ใจได้ว่าเป็นหนังสือคุณภาพ ในวันที่ 28 ตุลาคม 2558 เวลา 16.00-17.00 น. ณ เวทีเอเทรียม

“หนังสือเป็นสินค้าที่จำเป็นของผู้อ่านกลุ่มหนึ่งที่จำเป็นต้องอ่าน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร เพราะขึ้นชื่อว่านักอ่านซึ่งมีความผูกพันกับหนังสือ ย่อมไม่มีทางที่จะไม่อ่านอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนคือปริมาณการซื้ออาจจะน้อยลง อันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้มีการเลือกซื้อหนังสือตามความจำเป็น หนังสือที่ได้รับความนิยมก็ยังคงเป็นหนังสือนิยายภาพ หรือเป็นหนังสือที่มีการเล่าเรื่องโดยใช้การ์ตูน” นายจรัล กล่าว

นายจรัญ กล่าวด้วยว่า การจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานไม่น่าจะน้อยกว่าเดิมคือประมาณ 2 ล้านคน และกลุ่มนักอ่านน่าจะมีเยาวชนเพิ่มมากขึ้นเป็นเด็กๆ รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับความนิยมของหนังสือภาพ แต่ยอดขายอาจไม่น่าดีมากนักตามสภาพเศรษฐกิจ สภาวะเช่นนี้สำนักพิมพ์จะต้องร่วมมือกันผลิตหนังสือที่มีคุณภาพและซื่อสัตย์ต่อผู้อ่านเพื่อรักษาความเชื่อมั่นให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ตนหวังเห็นหนังสือสารคดีที่มีข้อมูลที่ถูกต้องและมีความแม่นยำทางเนื้อหา หรือหนังสือแนวประวัติศาสตร์มุมมองใหม่ซึ่งมาพร้อมกับความท้าทายในความถูกต้องของเรื่องราวในประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้นมากกว่าที่มีอยู่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และองค์ความรู้ในสังคมไทยซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

เตรียมตัวให้พร้อม หอบความสุข พกความรู้กลับบ้านใน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20” (Book Expo Thailand 2015) ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น.



กำลังโหลดความคิดเห็น