xs
xsm
sm
md
lg

[ชมคลิป] ร้านหนังสือภูธรทยอยปิด เศรษฐกิจแย่ดันกลุ่ม “ฮาวทู” บูม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“จรัญ หอมเทียนทอง” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)
ASTV ผู้จัดการรายวัน - ร้านหนังสือต่างจังหวัดปิดแผงระนาว ตกต่ำสุดในรอบ 7 ปี สำนักพิมพ์ดิ้นสู้เพื่ออยู่รอด ปลุกตลาดออนไลน์ทดแทน ชี้กำลังซื้อหดตัว ส่งตลาดรวมหนังสือ 1.5 หมื่นล้านบาททรงตัว หวังงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20” ดันโค้งท้ายคึกคักพร้อมเงินสะพัด 400 ล้านบาท

นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหนังสือมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทปีนี้คาดทรงตัวเท่าปีก่อนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเพราะกำลังซื้อไม่ดี เห็นได้จากงานมหกรรมหนังสือฯ ที่จัดขึ้นช่วงต้นปีที่ผ่านมาจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด 500 ล้านบาท แต่ทำได้ 400 ล้านบาท

ส่งผลให้การจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 ต.ค-1 พ.ย. ศกนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด 400 ล้านบาทเช่นกัน โดยพฤติกรรมการซื้อหนังสือต่อคนเฉลี่ยอยู่ที่ 400 บาท ขณะที่การจัดงานครั้งนี้มีสำนักพิมพ์เข้าร่วม 421 สำนักพิมพ์ รวม 933 บูท พื้นที่ 2.1 หมื่นตารางเมตร

นายจรัญกล่าวต่ออีกว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวพบว่ากลุ่มหนังสือ How To ประเภทแนะช่องรวยเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตมากสุด เหตุเพราะคนต้องการหาเงิน ต้องการค้นหาวิธีต่างๆ ให้ได้เงินมาในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ส่วนหนังสือที่มียอดขายลดลงมากสุดคือหนังสือธรรมะ ส่วนสำคัญมาจากไม่มีปกออกใหม่และคนมุ่งหาเงินมากกว่าหาสิ่งประโลมใจ

ปัจจุบันช่องทางจำหน่ายหนังสือมีอยู่ 3 ช่องทาง คือ 1. ร้านหนังสือ 80% ในส่วนนี้ยังแบ่งออกได้เป็นเชนร้านหนังสือ 70% และร้านหนังสือทั่วไป 30% 2. อีคอมเมิร์ซ 10% และ 3. งานมหกรรมหนังสือ 10% โดยพบว่าในส่วนร้านหนังสือทั่วไปมีอัตราการปิดและเปิดใหม่สูงมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด เหตุเพราะทายาทรุ่นที่สองไม่สนใจสานต่อธุรกิจครอบครัวและทำอย่างอื่นได้กำไรดีกว่า ส่งผลให้สำนักพิมพ์ต่างๆ หันมาให้ความสำคัญต่อช่องทางอีคอมเมิร์ซทดแทนมากขึ้น หรือคิดเป็นยอดขาย 10% ของยอดขายทั้งหมดในปัจจุบัน

ด้าน นายคธาวุฒิ เกนุ้ย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยิปซี กรุ๊ป จำกัด เจ้าของ 6 สำนักพิมพ์ กล่าวเสริมว่า ร้านหนังสือทั่วไปทั่วประเทศมีกว่า 400-500 ราย ปัจจุบันพบว่าปิดตัวลง 10% เนื่องจากทำต่อไม่ไหว ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า รวมถึงทำอย่างอื่นคุ้มกว่า ถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 7 ปีที่ “ยิปซี” เข้ามาดำเนินธุรกิจสำนักพิมพ์ ส่งผลให้ปีนี้บริษัทให้ความสำคัญต่ออีคอมเมิร์ซ ขายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยเว็บไซต์และโซเชียลเน็ตเวิร์กทดแทน รวมถึงออกบูทจำหน่ายหนังสือทั้งในส่วนห้างสรรพสินค้าและสถานศึกษาให้มากขึ้น เชื่อว่าสิ้นปีน่าจะปิดรายได้ที่ 40 ล้านบาท ลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับ “ยิปซี” จำหน่ายหนังสือ 4-5 ประเภท คือ ประวัติศาสตร์ ทำยอดขายมากสุด 40-50% ฮาวทู 20% ที่เหลืออีก 30% มาจากสารคดีประวัติศาสตร์, นวนิยาย, เกษตร และหนังสือสำหรับเด็ก เป็นต้น



กำลังโหลดความคิดเห็น