ASTVผู้จัดการรรายวัน - สภาพเศรษฐกิจทรุด ถล่มตลาดหนังสือ 2-3 หมื่นล้านบาทนิ่ง “นานมีบุ๊คส์” ทำใจ 9 เดือนยอดขาย 500 ล้านบาท โตแค่ 5% ต่ำเป้ามาก หวังใช้งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20 เข็นยอดกลับมาโตที่ 15% ในสิ้นปีจากเป้าเดิมที่วางไว้ 20%
นางสาวคิม จงสถิตย์วัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของนานมีบุ๊คส์ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2558 มีการเติบโตที่ 5% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ตั้งไว้ที่ 20% ส่วนสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีเป็นหลัก แต่หากเทียบกับตลาดหนังสือรวมที่มีมูลค่าประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาทที่คาดการณ์กันไว้ว่าปีนี้จะทรงตัวพบว่านานมีบุ๊คส์ยังมีการเติบโตที่น่าพอใจ
สาเหตุที่บริษัทยังเติบโตได้มาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1. สินค้า/หนังสือทันสมัย 2. นวัตกรรมทันสมัย และ 3. พันธมิตรธุรกิจ เช่น B2S, เลิร์นนิ่ง อินโนเวชั่น เน็ตเวิร์กกับทางโรงเรียนต่างๆ และสมาชิกนานมีบุ๊คส์แฟมิลี่คลับกว่า 8 หมื่นราย โดยกลุ่มสินค้าทันสมัยมีสัดส่วนรายได้มากสุด
“ปีนี้บริษัทฯ มีการลงทุนด้านนวัตกรรมการสร้างความรู้ใหม่ๆ หลายด้าน รวมถึงนำเสนอหนังสือที่น่าสนใจ มีความเป็นอีโมชันในการช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อมากขึ้น จากเดิมที่มองว่านอนบุ๊กส์จะมีสัดส่วนรายได้ 30% แต่ทำได้ 10% เนื่องจากกลุ่มหนังสือยังไปได้ เพียงแต่ต้องหาไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้อ่านให้ได้ เพราะความจริงแล้วลูกค้าไม่ได้อ่านหนังสือน้อยลง เพียงแต่ถูกโซเชียลเน็ตเวิร์กดึงเวลาไป”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสี่ที่จะมีงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20 นานมีบุ๊คส์พร้อมใช้งานนี้ในการผลักดันยอดขายให้มากที่สุด โดยนำหนังสือกว่า 400 ชุดมาลดราคาลงกว่า 20% รวมถึงแนะนำหนังสือใหม่ เช่น หนังสือระบายสีสำหรับผู้ใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายภายในงาน 1.5 หมื่นเล่ม และหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ฉบับภาพประกอบ 4 สี 1 พันเล่ม เชื่อว่าจะมียอดขายมากกว่าการจัดงานครั้งก่อน 15% และทำให้ภาพรวมรายได้ทั้งปีกลับมาโตได้ที่ 15% จากเป้าที่วางไว้ 20%
ปัจจุบันบริษัทฯ แบ่งรายได้ออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ บุ๊กส์ 90% และนอนบุ๊กส์ 10% โดยพบว่ากลุ่มหนังสือที่มีการเติบโตมากสุดคือ หนังสือสำหรับผู้ใหญ่เติบโต 25% หนังสือเสริมความรู้สำหรับเด็กอายุ 0-8 ขวบ เติบโต 24% จากชุดอัจฉริยะปั้นได้ โดยนิทานสำหรับเด็กตกลง ขณะที่หนังสือสำหรับเด็กอายุ 9-18 ปีทรงตัว
ส่วนช่องทางจำหน่ายมีอยู่ 4 ช่องทาง คือ 1. เชนร้านหนังสือ เช่น B2S จำนวน 14 สาขา โดยในปี 2559 จะเพิ่มอีก 15 สาขา 2. จำหน่ายให้โรงเรียนต่างๆ 3. ร้านแว่นแก้ว จำนวน 7 สาขา และ 4. อีคอมเมิร์ซ โดยยอดขายในช่องทางร้านแว่นแก้วเติบโตมากสุดประมาณ 25%