ASTVผู้จัดการรายวัน - ค้าปลีก 3 ค่ายยักษ์ย่านสยามฯ ผนึกกำลังเป็น “พลังสยาม” ให้เป็นย่านการค้า หวังสร้างเศรษฐกิจดึงนักท่องเที่ยวและเป็นย่านการค้าระดับโลก เปิดงบลงทุนช่วง 2-3 ปีนี้กว่า 12,000 ล้านบาท
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้ประกอบการด้านค้าปลีกรายใหญ่ทั้งสามรายในย่านสยามฯ ซึ่งประกอบด้วย เอ็มบีเค กลุ่มธุรกิจสยามสแควร์ และสยามพิวรรธน์ ได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มพลังสยาม เพื่อร่วมมือกันพัฒนาและผลักดันให้ย่านสยามฯ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่แยกเฉลิมเผ่าไปถึงแยกบรรทัดทอง และสะพานหัวช้าง และถึงสามย่าน และถึงด้านสยามพารากอน ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการชอปปิ้งระดับโลก ศิลปวัฒนธรรม และความบันเทิง ที่ครอบคลุมหลายมิติและเสริมสร้างให้ไทยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจการค้าของภูมิภาคนี้
นายบุญส่ง ศรีสว่างเนตร รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจสยามสแควร์ กล่าวว่า ปัจจุบันในย่านสยามฯ นี้มีคนเดินมากกว่า 500,000 คนต่อวัน เป็นนักท่องเที่ยว 35% และยังเป็นศูนย์กลางของการคมนาคม มีรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านสองสาย มีคนใช้บริการมากกว่า 400,000 คนต่อวัน ที่ผ่านมามีสิ่งต่างๆ ที่เป็นแม่เหล็กเกิดขึ้นมากมาย เช่น ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ รอยัลพารากอนฮอลล์ โรงละครเคแบงก์ มีหอศิลป์กรุงเทพฯ เป็นต้น เป็นย่านที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการร่วมมือกันของทั้งสามรายนี้จะช่วยทำให้ย่านสยามฯ นี้รองรับการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยด้วย
ในย่านสยามฯ นี้มีพื้นที่รวมมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร รวมร้านค้าที่แตกต่างกันหลากหลายมากกว่า 4,200 ร้านค้า ทั้งแฟชั่น ร้านอาหาร ศูนย์บริการธุรกิจ โรงแรมมากกว่า 20 แห่งมากกว่า 3,000 ห้อง และเป็นย่านที่สินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ระดับโลกเลือกที่จะมาเปิดสาขาเป็นหลัก อีกทั้งย่านสยามฯ นี้เป็นทำเลทองที่มีมูลค่าพื้นที่เฉลี่ยต่อตารางวาสูงที่สุดกว่า 1.75 ล้านบาท สูงสุดในกรุงเทพมหานคร และมีอัตราการขยายตัวของพื้นที่และผู้มาเยือนซึ่งเทียบเท่ากับถนนชอปปิ้งใจกลางเมืองในต่างประเทศที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น ย่านกินซ่าในญี่ปุ่น ย่านฟิฟท์อเวนิวในนิวยอร์ก และถนนออกซฟอร์ดในลอนดอน เป็นต้น
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือกันครั้งนี้จะมีการวางแผนความร่วมมือเพื่อพัฒนาย่านสยามฯ ในหลายโครงการ และเบื้องต้นจะมีการร่วมมือกันทางด้านการตลาด เพื่อโปรโมตให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งจะใช้งบประมาณตลาดร่วมกันจากเดิมที่แต่ละค่ายก็มีการทำของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งของสยามพิวรรธน์เองก็ใช้งบการตลาดแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะเริ่มจากการทำเว็บไซต์ร่วมกันก่อนและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการลงทุนของทั้งสามค่ายในช่วง 2-3 ปีนี้ รวมแล้วจะมีมูลค่ามากกว่า 11,000-12,000 ล้านบาท แยกได้ดังนี้
ค่ายเอ็มบีเคเซ็นเตอร์จะลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างทางเดินสกายวอล์กบีทีเอสเชื่อมสี่แยกปทุมวันเข้าตัวอาคารและเชื่อมถึงศศินทร์ เกือบ 2,000 ล้านบาท และการปรับปรุงภายในอาคารเอ็มบีเคอีก 1,000 ล้านบาท
ค่ายสยามพิวรรธน์ จะลงทุนประมาณ 4,300 ล้านบาท แบ่งเป็นรีโนเวตสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ 4,000 ล้านบาท คาดว่าเปิดบริการต้นปี 2559 และสยามพารากอนจะรีโนเวตภายในอาคารอีก 300 ล้านบาท ในช่วง 3-6 เดือนจากนี้จะแล้วเสร็จ
ทางด้านกลุ่มธุรกิจสยามสแควร์ ภายใต้การบริหารของสำนักงานทรัพย์สินจุฬาฯ จะลงทุนอีกกว่า 4,000 ล้านบาท พัฒนาและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค การสร้างโรงแรมโดยให้เอกชนเข้ามาลงทุน การสร้างอาคารสำนักงานบริเวณด้านหน้าของโบนันซ่า และการสร้างที่จอดรถเพิ่มอีกกว่า 1,000 คัน คาดว่า 4 ปีแล้วเสร็จ
นอกจากนั้น ในภาพรวมแล้วยังมีการพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อรองรับอีกมาก เช่น การยกระดับความปลอดภัยในย่านนี้ โครงการพัฒนาพื้นที่สวนหลวงสแควร์ ปรับปรุงพื้นที่บริเวณสวนหลวงและสามย่านของกลุ่มธุรกิจสยามสแควร์ การสร้างอุทยานและถนนจุฬา 100 ปี
