“กกพ.” เผยมีการประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อผ่อนผันเงื่อนไขกฎหมายผังเมืองเอื้อเปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ฯ 1-10 พ.ย.แล้ว หลังพบบางจังหวัดบางพื้นที่ปิดตายห้ามสร้างโรงไฟฟ้า แต่หากไม่ทันจะยกไปเฟส 2
นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้ประสานไปยังกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ให้ทำหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอให้ผ่อนผันเงื่อนไขกฎหมายผังเมืองใหม่กับผู้เข้าร่วมโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ที่ กกพ.จะเปิดให้เอกชนผู้สนใจยื่นข้อเสนอระหว่าง 1-10 พ.ย.นี้ เฟสแรก 600 เมกะวัตต์ ดังนั้นดีที่สุดคือเอกชนก็ควรจะเสนอที่ไม่ติดปัญหาผังเมือง หากที่สุดมหาดไทยพิจารณาไม่ทันก็ยกไปเฟส 2
สำหรับขั้นตอนหลังจากเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้วจะเปิดให้ยื่นคำร้อง 1-10 พ.ย. 58 โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (พีอีเอ) จะรับซื้อ 400 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รับซื้อ 200 เมกะวัตต์ การรับซื้อจะต้องพิจารณาจากความพร้อมของระบบสายส่ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคกลางประมาณ 138 เมกะวัตต์ ภาคตะวันตก159 เมกะวัตต์ ภาคตะวันออก 98 เมกะวัตต์ และภาคเหนือ 5 เมกะวัตต์ ฯลฯ ส่วนภาคอีสานระบบสายส่งเต็ม ซึ่งเฟสแรกกำหนดจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) 30 ก.ย. 2559
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการ กกพ.และโฆษก กล่าวว่า โซลาร์ฟาร์มสำหรับหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร เป้าหมาย 800 เมกะวัตต์ เฟสแรกรับซื้อก่อน 600 เมกะวัตต์ กรณีบางจังหวัด เช่น ราชบุรี สระแก้ว สร้างผังเมืองกำหนดไม่ให้สร้างโรงไฟฟ้าใดๆ เลย บางจังหวัดก็จะห้ามสร้างบางพื้นที่ซึ่งการยื่นเอกสารจะต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมโยธาธิการว่าด้วยผังเมืองก็จะดีสุด เพราะ กกพ.เองก็ไม่แน่ใจว่าทางมหาดไทยจะผ่อนผันได้ทันหรือไม่ แต่หากไม่ทันสามารถนำไปยื่นในเฟส 2 ได้ และกรณีเฟสแรกพบว่าประมูลไม่ครบ 600 เมกะวัตต์ก็จะนำไปรวมกับเฟส 2 อีก 200 เมกะวัตต์ทันที
นายดุสิต เครืองาม นายกสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ กล่าวว่า ภาคเอกชนให้ความสนใจโครงการนี้จำนวนมาก แต่ติดเงื่อนไขระบบสายส่งบางพื้นที่ไม่พอรองรับ ล่าสุดยังมีปัญหากฎหมายผังเมืองที่เกือบทุกจังหวัดมีพื้นที่จำกัดห้ามสร้างโรงไฟฟ้า บางจังหวัดสร้างไม่ได้เลยเช่น จ.ราชบุรี เพื่อให้ทันก่อนการเปิดยื่นข้อเสนอ 1-10 พ.ย.นี้ ดีที่สุดคือนายกรัฐมนตรีควรใช้อำนาจมาตรา 44 จัดการเรื่องนี้เพื่อให้เสร็จทันภายใน ต.ค. 58