“ท็อปแวลู” รุกตลาดต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์ทุ่ม 50 ล้านบาทปีนี้เปิด ป็อปอัพสโตร์ ยึดทำเลสถานีบีทีเอส นำร่องสยามสแควร์ สร้างแลนด์มาร์กจุดนัดพบชอปปิ้งออนไลน์เจ้าแรกในประเทศ รับตลาดโตกว่า 20% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
นายธนากร แซ่ลิ้ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ ในรูปแบบอีมาร์เกตเพลสสัญชาติไทย เปิดเผยว่า ท็อปแวลูได้ลงทุน 5.7 ล้านบาทเปิดป็อปอัพสโตร์ หรือร้านค้าชั่วคราว เป็นเจ้าแรกในประเทศไทยของสายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งตั้งอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยามสแควร์ บนพื้นที่ 20 ตาราเมตร ด้วยสัญญาเช่า 1 ปี เพื่อเปิดเป็นจุดศูนย์กลางในการรับสินค้าและสั่งซื้อสินค้าระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายที่ทำธุรกรรมผ่านทางหน้าเว็บไซต์ topvalue.com อีกทั้งยังเป็นหน้าร้านเพื่ออัปเดตสินค้าใหม่ทุกวัน สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักชอปออนไลน์ที่ต้องการตรวจสอบสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์
การให้บริการของป็อปอัพสโตร์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคสินค้าออนไลน์ในปัจจุบัน และเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี โดยเฉพาะผู้ที่ชอปปิ้งออนไลน์แต่ต้องการเห็นสินค้าและหน้าร้านที่มีความน่าเชื่อถือมีมากถึง 43% หรือ 6.4 ล้านคน จากผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งหมดในประเทศ 15 ล้านคน
สาขาแรกที่ตั้งบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยามสแควร์ เพราะสยามสแควร์ยังคงเป็นศูนย์กลางของการชอปปิ้งและย่านธุรกิจการค้าสำคัญ ท็อปแวลูจึงมั่นใจว่าการเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปีหน้า ป็อปอัพสโตร์จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของชอปปิ้งออนไลน์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินผ่านไปมาบนสถานีรถไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน ทำให้มูลค่าตลาดรวมการทำธุรกรรมซื้อขายไปยังผู้บริโภคจะสูงถึง 1.9 แสนล้านบาท ในปี 2559 ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ประกอบกับการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต จำนวนการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงระบบชำระเงินออนไลน์ที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ท็อปแวลูมีเป้าหมายที่จะลงทุนอีก 50 ล้านบาทในปี 2559 เพื่อขยายป็อปอัพสโตร์บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอีกหลายสถานี เช่น สถานีหมอชิต, สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สถานีพญาไท, สถานีอโศก, สถานีช่องนนทรี, สถานีอ่อนนุช และสถานีสามแยกบางใหญ่ (สายสีม่วง) เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
.....................................................