ไทย-พม่าลงนามเอ็มโอยู ก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 วงเงิน 3,910 ล้านบาท อย่างเป็นทางการหลังมีการวางศิลาฤกษ์ไปเมื่อ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 60 โดยไทยให้ความช่วยเหลือค่าก่อสร้างในฝั่งพม่า เพื่อเชื่อมเส้นทางรองรับปริมาณการเดินทางและสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นของสองฝั่งและหนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้แทนฝ่ายไทยลงนามความตกลงว่าด้วยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 ร่วมกับ Mr.U Kyaw Lwin รัฐมนตรีกระทรวงก่อสร้างของพม่า ผู้แทนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 กรมทางหลวง (ทล.) จะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอด พร้อมทั้งสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 พร้อมทั้งอาคารด่านพรมแดน มูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้น 3,910 ล้านบาท ประกอบด้วย งานถนน ฝั่งไทยและพม่า 1,800 ล้านบาท งานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย 800 ล้านบาท ด่านพรมแดน ฝั่งไทยและพม่า 1,000 ล้านบาท พร้อมทั้งค่าเวนคืนที่ดินในฝั่งไทย โดยรัฐบาลไทยเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างที่เกิดขึ้นในฝั่งพม่า มูลค่า 310 ล้านบาท ไม่รวมค่าเวนคืนที่ดิน
โดยบันทึกความตกลงร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ดังกล่าว จะเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับการดําเนินงานการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 130 (ทางเลี่ยงเมืองแม่สอด) ของประเทศไทย และการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่าแล้วจะรวมถึงแนวทางการปฏิบัติงาน เช่น หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ฝ่ายไทย คือ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ฝ่ายเมียนมา คือ กรมสะพาน กระทรวง การก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโครงการ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้ออกแบบ ควบคุมการก่อสร้าง และรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายสําหรับงานก่อสร้างทั้งหมดของโครงการ การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน สําหรับโครงการ ฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมาตกลงที่จะดําเนินการจัดหาที่ดินสําหรับงานก่อสร้าง การบริหารและการบํารุงรักษาสะพาน การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ พร้อมทั้ง ภาระหน้าที่ของแต่ละประเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว เพื่อที่จะทําให้การดําเนินโครงการ สําเร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ของทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ ได้มีการวางศิลาฤกษ์เริ่มการก่อสร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2แล้วเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2558 และมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2560 สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม และขนส่งระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในการรองรับปริมาณการเดินทาง และการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น และรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด
