ภาคเอกชนมึนหาคนพิการทำงานตามกฎหมายไม่ได้ต้องหันใช้วิธีส่งเงินเข้ากองทุนฯ แทน เตรียมเสนอรัฐแก้ปัญหา 6 ข้อด้วยการให้รัฐทำฐานข้อมูลคนพิการในวัยแรงงานที่ประสงค์จะทำงานให้เอกชนและหน่วยงานราชการ ให้ทบทวนการคิดเงินส่งกองทุนฯ เป็น 313 วันจากเดิม 360 วัน ให้มีผู้แทน กกร.ร่วมเป็นกรรมการและอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง
แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้หารือถึงปัญหาผลกระทบจาก พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 28 ก.ย. 50 เป็นต้นมา ซึ่งภายใต้กฎหมายดังกล่าวสาระสำคัญให้สถาบันประกอบการและหน่วยงานรัฐรับคนพิการเข้าทำงานในอัตราจ้างปกติ 100 ให้รับคนพิการ 1 คน หรือ 100:1 ซึ่งหากหาคนพิการไม่ได้จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ แทน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเอกชนต้องประสบปัญหาที่ไม่สามารถหาคนพิการได้จึงต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ และพบว่าการปฏิบัติตามกฎหมายด้วยการรับคนพิการล่าสุดทำได้เพียง 20% เท่านั้น จึงเตรียมที่จะเสนอแนวทางการแก้ไขให้แก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
“ตามกฎหมายนั้นหากไม่จ้างคนพิการก็จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ แต่หากไม่ประสงค์แนวทางก็จะต้องให้จัดสัมปทานจัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ ฝึกงานแทนได้ แต่ที่ผ่านมาเอกชนไม่สามารถหาคนพิการได้มักจะเลือกส่งเงินเข้ากองทุนฯ ซึ่งหน่วยงานราชการไม่ต้องส่งฯ เป็นส่วนใหญ่” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ กกร.จะเสนอให้รัฐเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะขอให้รัฐเร่งจัดทำฐานข้อมูลของคนพิการในวัยแรงงานที่ประสงค์จะทำงานเพื่อส่งเสริมให้เอกชนและหน่วยงานราชการสามารถสร้างงานกับคนพิการตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นำไปสู่การปฏิบัติได้จริงตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาข้อมูลพบว่าคนพิการทั่วประเทศมี 1.5 ล้านคน แต่คนพิการในวัยทำงานมีเพียงประมาณ 8 แสนคน และยังพบว่าจำนวนดังกล่าวประกอบอาชีพแล้ว 3.26 แสนคน ไม่ได้ประกอบอาชีพ 3.6 แสนคน และไม่สามารถประกอบอาชีพได้ 1.12 แสนคน โดยพบว่าล่าสุดการจ้างคนพิการทั้งรัฐและเอกชนให้เป็นไปตามกฎหมายยังปฏิบัติได้ไม่ถึง 80%
ขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ 28 ก.พ. 2558 ในการให้ความเห็นว่ากรณีไม่สามารถจ้างคนพิการให้นำเงินส่งเข้ากองทุนเป็น 360 วัน (360 วันคูณด้วยอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท) โดยเอกชนขอให้ใช้ 313 วันตามการทำงานจริงเป็นฐานในการคำนวณ เป็นต้น