xs
xsm
sm
md
lg

เชื่อมั่นอุตฯ ดิ่งสุดรอบกว่า 6 ปี จ่อชง 3 ข้อขับเคลื่อน ศก. ยื่น “สมคิด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 83.0 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และยังต่ำสุดในรอบ 6 ปี 2 เดือน เหตุเศรษฐกิจทั้งในและนอกซบ จ่อชง 3 เรื่องเร่งด่วนแก้เศรษฐกิจในเวทีปาฐกถา 27 ส.ค.นี้ให้ “สมคิด” หวัง ครม.ใหม่ช่วยขับเคลื่อนทั้ง การดูแลสินค้าเกษตร เอสเอ็มอี และการส่งออก



นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2558 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ที่ระดับ 83.0 ปรับตัวลดลงจากระดับ 84.0 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นค่าดัชนีฯ ที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน และยังเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 74 เดือนหรือ 6 ปี 2 เดือนนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 สำหรับปัจจัยสำคัญที่ฉุดความเชื่อมั่นลดลงมาจากการชะลอตัวการเติบโตทางเศรษฐกิจ การบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการหดตัวของการส่งออกในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม วันที่ 27 ส.ค.นี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยจะจัดปาฐกถาพิเศษเรื่อง “นโยบายเศรษฐกิจและทิศทางประเทศไทย” โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงได้เชิญ นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์มาร่วมตอบข้อซักถามด้วย ดังนั้นคงจะมีโอกาสเรียนนำเสนอภาพรวมเรื่องภาวะเศรษฐกิจของ กกร. และในส่วนของ ส.อ.ท.คงจะเสนอประเด็นให้ ครม.ใหม่ขับเคลื่อนที่สำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ราคาสินค้าเกษตร 2. เอสเอ็มอี และ 3. การส่งออก ซึ่งทั้งหมดเคยเสนอต่อ ครม.เดิมไปแล้ว

ทั้งนี้ ราคาสินค้าเกษตรนั้นที่ผ่านมาตกต่ำมีผลกระทบต่อการบริโภค รัฐเองก็คงต้องพิจารณาว่าจะมีมาตรการใดๆ ที่จะมาพยุงราคาโดยความเหมาะสมและให้ถึงเกษตรกรโดยมองถึงการเพิ่มศักยภาพในระยะยาวด้วย ส่วนเอสเอ็มอีนั้นเป็นเรื่องของโครงสร้างภาษีที่มองแบบครบวงจร โดยเสนอให้ลดอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้แก่เอสเอ็มอีที่มีรายได้ไม่เกิน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นกรณีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาทเสีย 5% รายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาทเสีย 10% และรายได้ไม่เกิน 200 ล้านบาทเสีย 15% เป็นต้น

ส่วนส่งออกต้องการให้มีการฟื้นคณะกรรมการพัฒนาการส่งออกหรือไทยแลนด์ทีมที่มีอยู่เดิมมาทำให้เกิดรูปธรรมเพราะมีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนซึ่งเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการเองลำพังคงไม่ได้ โดยจะต้องหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม เช่น การทำ FTA กับตุรกีเพื่อเปิดประตูการค้าสู่สหภาพยุโรป เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น