“พาณิชย์” เผยบริษัทตั้งใหม่เดือน ก.ค.ลดลง 4% เลิกเพิ่ม 5% แต่ไม่น่ากังวล เหตุมีการคุมเข้มการจดตั้งธุรกิจค้าสลาก ท่องเที่ยว ขายตรง และจับตาธุรกิจทุนสูง ยันเหตุระเบิดไม่กระทบยอดจดตั้งธุรกิจใหม่และการเข้ามาทำธุรกิจของคนต่างด้าว
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนนิติบุคคลเดือน ก.ค. 2558 พบว่ามีผู้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัททั่วประเทศจำนวน 5,388 ราย ลดลง 4% เมื่อเทียบกับ ก.ค. 2557 มูลค่าทุนจดทะเบียน 2.02 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% ส่วนยอดการจดทะเบียนเลิกกิจการ ก.ค. 2558 มีจำนวน 1,544 ราย เพิ่มขึ้น 5% และมีทุนจดทะเบียนเลิก 6,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%
ส่วนยอดการจดทะเบียนจัดตั้งในช่วง 7 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 3.69 หมื่นราย หรือเฉลี่ยมีการจดจัดตั้งประมาณ 5,278 รายต่อเดือน ยอดการจดทะเบียนเลิกมีจำนวน 8,442 ราย หรือมีการจดทะเบียนเลิกเฉลี่ย 1,206 รายต่อเดือน โดยมั่นใจว่าทั้งปีจะมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ประมาณ 6-6.5 หมื่นราย
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ยอดการทะเบียนจัดตั้งลดลง เพราะกรมฯ ได้มุ่งเน้นธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ ทั้งการเข้มงวดการจดทะเบียนทำธุรกิจค้าสลาก ท่องเที่ยว และขายตรง และยังมีการเข้มงวดการรับจดทะเบียนบริษัทที่มีทุนสูง ทำให้มีการจดตั้งใหม่ลดลงไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากังวล ส่วนที่มีการเลิกธุรกิจเพิ่มขึ้นก็ไม่น่ากังวลเช่นกัน เนื่องจากกรมฯ ค้าสลากได้มาจดเลิกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากกรมฯ คุมเข้ม และยังมีบริษัทที่ถูกหมายเหตุไว้ในงบการเงิน เช่น ไม่ส่งงบการเงิน ก็มาจดเลิกเพิ่มขึ้น
ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจดทะเบียนธุรกิจ เพราะเศรษฐกิจไทยยังไปได้ และกรณีที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ธุรกิจยังคงมีการทำธุรกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะ SMEs ที่จะยังมีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น เพราะภาครัฐมีนโยบายในการสนับสนุน SMEs อีกทั้งการจดตั้งธุรกิจก็ไม่ได้มีแค่ในกรุงเทพฯ ยังมีการจดทั่วประเทศ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ขณะที่ความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจของคนต่างชาติก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะธุรกิจต่างด้าวที่มาจดทะเบียนตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวก็เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการวางแผนลงทุนไว้แล้ว และเป็นการลงทุนเพื่อต่อยอดกับธุรกิจที่มีอยู่ในไทย เช่น การเพิ่มทุนของธุรกิจในเครือบริษัท หรือตัวแทนสำนักงาน เป็นต้น