“ซัมซุง” รุกตลาดสมาร์ทโฮมโซลูชั่นรีเทลปีหน้าแน่นอน หวังไทยเป็นตลาดลำดับต้นๆติดท็อปทรีของซัมซุงโลก ล่าสุด ผนึก “อนันดา” เปิดตัวซัมซุงสมาร์ทโฮม ประเดิม โครงการ คิวเทอร์ตี้วัน
นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ซัมซุงอยู่ระหว่างการเปิดตลาดสมาร์ทโฮมโซลูชั่นหรือบ้านที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ชนิดต่างๆเพื่อทำงานตอบสนองไลฟ์สไตล์ โดยใช้หลักการทำงานที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์หรือ ไอโอที/IOT หรือแพลทฟอร์มการทำงานเชื่อมต่อกันระหว่างอุปกรณ์ต่างๆแบบไร้สาย ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่จะบุกตลาดในประเทศไทยในตลาดรีเทลอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าหากสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ ก็จะเป็นประเทศในลำดับต้นๆของซัมซุงของโลกที่เปิดตัว ซึ่งขณะนี้มีการทำตลาดรีเทลแล้วที่ประเทศอเมริกา อังกฤษ ที่มีการจำหน่ายสินค้าสมาร์ทโฮมของซัมซุงในตลาดรีเทลที่ผู้บริโภคซื้อมาและสามารถติดตั้งเองได้ ส่วนไทยกับสิงคโปร์ก็อยู่ระหว่างการเริ่มต้นเช่นกัน
ขณะนี้ซัมซุงมีความพร้อมแล้วในตลาดระดับโลก หลังจากที่บริษัทแม่เข้าซื้อกิจการ สมาร์ทธิงค์ของอเมริกา ที่ทำเกี่ยวกับโซลูชันดังกล่าว เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งซัมซุงเองก็ยังมีความพร้อมทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่สามารพัฒนาและดำเนินการทางด้านสมาร์ทโฮมได้อย่างเป็นระบบ
ล่าสุด ซัมซุงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับทางบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ร่วมมือกันพัฒนาระบบสมาร์ทโฮมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นรายแรก โดยจะนำร่องที่โครงการ คิว เทอร์ตี้ วัน ที่สุขุมวิท 31 ซึ่งหลังจากนี้จะร่วมมือกันพัฒนารวม 6 เดือน
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯร่วมมือกับซัมซุงในการทำสมาร์ทโฮม จะเริ่มที่โครงการคิวเทอร์ตี้วัน เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ประมาณ 80 ยูนิต อยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะทำทั้งโครงการให้เป็นสมาทร์โฮม คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2560 ซึ่งทั้งสองจะทำงานร่วมกันในการวิจัยและค้นหาความต้องการและพัฒนาเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายที่จะเจาะกลุ่มเจนซี
การพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่องทำให้อนันดาฯเป็นผู้นำตลาดดคอนโดมิเนียมที่มียอดขายมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งการมีสมาร์ทโฮมเข้ามมา ก็ไม่ได้ทำให้ราคาขายของคอนโดมิเนียมสูงมากขึ้นแต่อย่างใด แต่ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของคอนโดมิเนียมให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น ปลอดภัยมากกขึ้นด้วย ซึ่งโครงการคิวเทอร์ตี้วันนี้ คาดว่าจะมีส่วนของต้นทุนด้านสทาร์ทโฮมเพิ่มประมาณ 3 แสนบาท จกาปรกติราขายเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อยูนิต
นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ซัมซุงอยู่ระหว่างการเปิดตลาดสมาร์ทโฮมโซลูชั่นหรือบ้านที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ชนิดต่างๆเพื่อทำงานตอบสนองไลฟ์สไตล์ โดยใช้หลักการทำงานที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์หรือ ไอโอที/IOT หรือแพลทฟอร์มการทำงานเชื่อมต่อกันระหว่างอุปกรณ์ต่างๆแบบไร้สาย ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่จะบุกตลาดในประเทศไทยในตลาดรีเทลอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าหากสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ ก็จะเป็นประเทศในลำดับต้นๆของซัมซุงของโลกที่เปิดตัว ซึ่งขณะนี้มีการทำตลาดรีเทลแล้วที่ประเทศอเมริกา อังกฤษ ที่มีการจำหน่ายสินค้าสมาร์ทโฮมของซัมซุงในตลาดรีเทลที่ผู้บริโภคซื้อมาและสามารถติดตั้งเองได้ ส่วนไทยกับสิงคโปร์ก็อยู่ระหว่างการเริ่มต้นเช่นกัน
ขณะนี้ซัมซุงมีความพร้อมแล้วในตลาดระดับโลก หลังจากที่บริษัทแม่เข้าซื้อกิจการ สมาร์ทธิงค์ของอเมริกา ที่ทำเกี่ยวกับโซลูชันดังกล่าว เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งซัมซุงเองก็ยังมีความพร้อมทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ที่สามารพัฒนาและดำเนินการทางด้านสมาร์ทโฮมได้อย่างเป็นระบบ
ล่าสุด ซัมซุงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับทางบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ร่วมมือกันพัฒนาระบบสมาร์ทโฮมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นรายแรก โดยจะนำร่องที่โครงการ คิว เทอร์ตี้ วัน ที่สุขุมวิท 31 ซึ่งหลังจากนี้จะร่วมมือกันพัฒนารวม 6 เดือน
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯร่วมมือกับซัมซุงในการทำสมาร์ทโฮม จะเริ่มที่โครงการคิวเทอร์ตี้วัน เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ประมาณ 80 ยูนิต อยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะทำทั้งโครงการให้เป็นสมาทร์โฮม คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2560 ซึ่งทั้งสองจะทำงานร่วมกันในการวิจัยและค้นหาความต้องการและพัฒนาเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายที่จะเจาะกลุ่มเจนซี
การพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่องทำให้อนันดาฯเป็นผู้นำตลาดดคอนโดมิเนียมที่มียอดขายมากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งการมีสมาร์ทโฮมเข้ามมา ก็ไม่ได้ทำให้ราคาขายของคอนโดมิเนียมสูงมากขึ้นแต่อย่างใด แต่ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของคอนโดมิเนียมให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น ปลอดภัยมากกขึ้นด้วย ซึ่งโครงการคิวเทอร์ตี้วันนี้ คาดว่าจะมีส่วนของต้นทุนด้านสทาร์ทโฮมเพิ่มประมาณ 3 แสนบาท จกาปรกติราขายเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อยูนิต
