สมาคมโลหะไทยตบเท้าหารือร่วม “บีโอไอ” ผวาไฟเขียวขึ้นเซอร์ชาร์จนำเข้าเหล็กลวดตามคำร้องเรียน 2 บริษัทรายใหญ่ บีโอไอยันยังไม่ได้พิจารณาเตรียมเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายถกหาข้อสรุปร่วมกันเบื้องต้น 5 ส.ค.นี้
นายสุเทพ ก้องธรนินทร์ กรรมการ บริษัท กรุงเทพสลักภัณฑ์ จำกัด ในฐานะกรรมการสมาคมโลหะไทย เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับ นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) วันนี้ (3 ส.ค.) ว่า สมาคมโลหะไทยได้นำตัวแทน 50 กว่ารายเข้ายื่นหนังสือต่อเลขาฯ บีโอไอเพื่อคัดค้านการร้องเรียนให้บีโอไอบังคับใช้ค่าธรรมเนียมนำเข้าพิเศษ (เซอร์ชาร์จ) การนำเข้าเหล็กลวดในประเทศ ซึ่งทางบีโอไอได้ยืนยันว่ายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ และได้มอบให้ทุกฝ่ายไปสรุปรายละเอียดเพื่อที่จะนัดหารือกับทุกฝ่ายทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ อีกครั้งเร็วๆ นี้
“สิ่งที่ได้ข่าวมาคือจะเก็บเซอร์ชาร์จ 34% ของราคาซีไอเอฟเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งหากเก็บเมื่อใดอุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบจะอยู่ไม่ได้เลยและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ก็จะลำบาก และในที่สุดสินค้าสำเร็จรูปจะต้องขึ้นราคาและอาจทำให้ที่สุดไทยต้องนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปมาแทนก็เป็นได้” นายสุเทพกล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ประกอบการที่มีเหตุผลต้องนำเข้าเหล็กลวดจากต่างประเทศด้วยเหตุผล 3 ด้าน 1. คุณภาพ ผู้ผลิตในประเทศใช้เศษเหล็กเป็นวัตถุดิบทำให้สินค้าผลิตออกมาคุณภาพต่ำและไม่เป็นที่ยอมรับของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ซึ่งหากนำสินค้าคุณภาพต่ำมาใช้จะก่อให้เกิดความเสียหายและไม่เป็นที่ยอมรับ 2. ข้อจำกัดในการผลิต แม้ว่าผู้ผลิตในประเทศจะอ้างว่ามีเพียงพอแต่คุณภาพ และขนาดไม่ครบถ้วนตามที่ต้องการและยังจำกัดปริมาณขั้นต่ำในการสั่งซื้อซึ่งเกินความจำเป็น 3. ราคา เหล็กลวดที่ผลิตในประเทศสูงเกินไปเพราะมาจากเศษเหล็กในประเทศที่ราคาสูง เมื่อเทียบกับต่างประเทศผลิตจากสินแร่ที่ราคาต่ำกว่า
นายวิสิทธิ์ กิตติวรรธนกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยมงคลสลักภัณฑ์ จำกัด ในฐานะอุปนายกสมาคมโลหะไทย กล่าวว่า สมาคมโลหะไทยในฐานะผู้ใช้เหล็กที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ผลิตสกรู นอต สลัก ฯลฯ เห็นว่าเรื่องนี้รัฐจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบระหว่างการขึ้นเซอร์ชาร์จที่จะเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิตเพียง 2 ราย คือ บ.เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บ.เหล็กสยาม (2001) จำกัด หรือจะเลือกผู้ใช้เหล็กที่เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมายนับแสนรายซึ่งจะมีผลกระทบไปยังผู้ใช้อีก
“เบื้องต้นบีโอไอนัดหารือรายละเอียดอีกครั้ง 5 ส.ค.นี้ ก็คงจะต้องมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ยืนยันว่าไม่สามารถจะเดินคนละครึ่งทางได้ ยืนยันว่าขึ้นไม่ได้เลยกระทบหมด” นายวิสิทธิ์กล่าว