ผลสำรวจฉบับล่าสุดเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า ประจำปี 2558 (Visa Global Travel Intentions Study 2015) เผยให้เห็นว่า ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากถึง 89% ออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศและมากสุดถึง 5 ทริปต่อคน โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในแต่ละทริปประมาณ 4.4 หมื่นบาท
ปกติแล้วคนไทยนิยมการท่องเที่ยวในประเทศภูมิภาคใกล้ๆ โดยเห็นได้ชัดจากประเทศที่คนไทยเลือกไปมากที่สุด อย่าง ญี่ปุ่น ตามด้วยสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ตามลำดับ โดยเฉลี่ยจะใช้ระยะเวลาท่องเที่ยวต่อทริปอยู่ที่ประมาณ 6 คืนและใช้ระยะเวลาในการเดินทางแต่ละครั้งประมาณ 5 ชั่วโมง โดยพวกเขามักเลือกที่จะเดินทางไปกับกลุ่มเพื่อนมากกว่าคนรัก หรือครอบครัว จากผลสำรวจระบุว่า 3 ใน 5 ของนักเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก (58%) นิยมเดินทางกับคนรัก ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น (36%)
*** พฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทย ***
นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า คนไทยนิยมสรรหาโปรโมชันพิเศษสำหรับการเดินทางให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้มากกว่าเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ แม้ว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังเลือกใช้เงินสดในการซื้อจ่ายสินค้า แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ประเทศปลายทางเพิ่มขึ้น
การทำวิจัยผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า ประจำปี 2558 มีนักท่องเที่ยวร่วมทำแบบสอบถามทั้งหมด 13,603 คน จาก 25 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย จัดทำขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปและค่านิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงวิธีการวางแผนการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายระหว่างทริป นอกจากนี้ ผลสำรวจได้ระบุถึงวิธีการใช้จ่ายในแต่ละทริป ซึ่งบัตรวีซ่านับเป็นบัตรที่นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยเลือกใช้เป็นบัตรหลัก
*** การชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับความนิยมที่เพิ่มขึ้น ***
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจของปี 2556 นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมพกบัตรเครดิตติดตัวไปด้วยเมื่อเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น โดยมากถึง 98% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมพกบัตรเครดิตไว้ในกระเป๋าสตางค์ ซึ่งมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วโลก (93%) และนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (95%) โดยผลสำรวจประจำปี 2558 ได้ระบุถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้บัตรเครดิตในขั้นตอนการจองเพื่อการท่องเที่ยวมากถึง 60% มากกว่าการใช้วิธีการโอนเงินถึง 1 ใน 4
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางด้วยตัวเองส่วนใหญ่ (81%) นิยมทำการจองผ่านระบบออนไลน์ และ 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวชาวไทย (75%) เลือกใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าและบริการระหว่างการท่องเที่ยว เพราะเป็นวิธีการชำระเงินที่พวกเขาพึงพอใจ ด้วยเหตุผลของความปลอดภัยเป็นหลัก โดยบัตรวีซ่าถือเป็นบัตรหลักที่นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความนิยมสูงสุด (68%) เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ มากกว่าบัตรเครดิตของคู่แข่งเกือบ 3 เท่า (28%)
ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ (59%) หรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะมีการวางแผนการใช้เงินต่อทริปก่อนไป แต่มากกว่า 2 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวชาวไทย (68%) ก็ยังสามารถใช้เงินเกินจากงบที่วางไว้ หากพบกิจกรรมที่น่าสนใจในระหว่างการเดินทาง
ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมใช้จ่ายเพื่อการชอปปิ้งมากที่สุดถึง 31% ตามด้วยการรับประทานอาหาร (22%) และการจองโรงแรม (10%) โดยบัตรเครดิตมักจะเป็นทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวในการซื้อสินค้าแบรนด์เนมและภัตตาคารชั้นนำ โดยรวมแล้วบัตรเครดิตมักจะเป็นทางเลือกในการซื้อสินค้าราคาสูง
*** ความแตกต่างของคนต่างอายุ ***
ขณะที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น การคาดการณ์งบประมาณในการใช้จ่ายของทริปครั้งหน้าก็สูงขึ้น โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยตั้งใจที่จะเพิ่มงบในการเดินทางท่องเที่ยวจาก 4.4 หมื่นบาทในทริปที่ผ่านมาเป็น 8.3 หมื่นบาทสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป
ผลสำรวจนี้ได้มีการวิจัยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวโดยแบ่งไปแต่ละช่วงอายุ ซึ่งจำแนกกลุ่มตามอายุดังนี้ กลุ่มมิลเลนเนียลส์ (Millennials) คือ กลุ่มคนที่มีช่วงอายุระหว่าง 18-35 ปี กลุ่มมาชัวร์โปรเฟสชันนัลส์ (Mature Professionals) คือกลุ่มคนที่มีช่วงอายุระหว่าง 39-44 ปี และกลุ่มซูเปอร์บูมเมอร์ (Super Boomers) คือกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป โดยผลจากการสำรวจพบลักษณะพฤติกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ ทั้งขั้นตอนการวางแผนและระหว่างการเดินทาง
ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มซูเปอร์บูมเมอร์มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายในการเดินทางครั้งต่อไปสูงที่สุดถึง 92% ในขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลส์คาดว่าจะเพิ่มงบประมาณในการท่องเที่ยวอยู่ที่ 15% ซึ่งน้อยที่สุดใน 3 กลุ่ม
กลุ่มมิลเลนเนียลส์เป็นกลุ่มที่นิยมกำหนดงบประมาณต่อทริปก่อนจะเลือกจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สามารถไปได้ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ (61%) แต่ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มในระหว่างการท่องเที่ยวหากมีกิจกรรมที่น่าสนใจ (73%) และภายในอีก 2 ปีข้างหน้านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ตั้งใจว่าจะเดินทางท่องเที่ยวให้ได้ถึง 6 ครั้ง มากกว่าแผนที่นักท่องเที่ยวกลุ่มซูเปอร์บูมเมอร์ตั้งไว้ถึง 1.5 เท่า
จะเห็นได้ว่าในแต่ละกลุ่มมีลักษณะพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น อย่างกลุ่มซูเปอร์บูมเมอร์เลือกการเดินทางกับทัวร์ท่องเที่ยว ในขณะที่กลุ่มมิลเลนเนียลส์ที่อายุยังน้อยนิยมท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากกว่า ความปลอดภัยคือปัจจัยสำคัญของกลุ่มมิลเลนเนียลส์ในการเลือกที่พัก (66%) แตกต่างจากกลุ่มมาชัวร์โปรเฟสชันนัลส์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความสะดวกสบาย (70%) และกลุ่มซูเปอร์บูมเมอร์ให้ความสำคัญต่อราคาที่จับต้องได้ (62%)
ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว กลุ่มมาชัวร์โปรเฟสชันนัลส์กว่า 70% นิยมใช้จ่ายไปกับการชอปปิ้ง ในขณะที่กลุ่มมิลเลนเนียลส์ (62%) และกลุ่มซูเปอร์บูมเมอร์ (74%) นิยมใช้จ่ายไปกับการเที่ยวชมสถานที่มากกว่า
ถึงแม้ว่าการใช้เงินสดยังคงเป็นวิธีการจ่ายเงินที่ชาวไทยประมาณ 75% เลือกใช้ แต่อัตราการใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายก็มีขนาดเพิ่มสูงขึ้น สังเกตได้จากการที่นักท่องเที่ยวชาวไทยถึง 98% พกบัตรเครดิตติดตัวไปในการเดินทางต่างประเทศ และเกือบ 2 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้นิยมเลือกใช้บัตรวีซ่าในการใช้จ่ายเมื่อเดินทางออกนอกประเทศ
“สิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บัตรวีซ่าเพราะเรามีจุดรับบัตรหลายสิบล้านจุดทั่วโลก นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นด้วยว่า 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวชาวไทยเลือกใช้บัตรวีซ่าในการใช้จ่ายเพราะเรามีจุดรับบัตรให้บริการอย่างกว้างขวาง ผู้ถือบัตรวีซ่าทราบว่าพวกเขาสามารถใช้บัตรได้ไม่ว่าจะเป็นซัปโปโร หรือสิงคโปร์ และยังคงสะดวกและง่ายต่อการใช้จ่าย ด้วยเสถียรภาพ ความรวดเร็ว และความปลอดภัยของเครือข่าย VisaNet สำหรับทุกๆ การใช้จ่าย” นายสมบูรณ์กล่าวปิดท้าย