ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดนาฬิกา 4.5 หมื่นล้านบาทโตแค่ 2% เหตุกำลังซื้อลด “เดอะมอลล์” อัด 40 ล้านบาท จัดงาน “เวิลด์ วอตช์” หวังกระตุ้นยอดขาย 350 ล้านบาท ชี้มี 8 แบรนด์ใหม่ซิงๆ เข้าร่วมเปิดตลาด
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมนาฬิกาในไทยปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตเพียง 2% เท่านั้นจากมูลค่ารวมประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของตลาดนาฬิกาโลกที่เติบโตใกล้เคียงกันคือ 2%
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับกำลังซื้อที่ลดลงและผู้บริโภคมักจะรอซื้อเมื่อถึงเทศกาลจัดงานนาฬิกาเพราะมีโปรโมชันที่น่าสนใจและมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย แต่ไทยยังคงเป็นตลาดใหญ่ในเอเชียในแง่มูลค่าอยู่ในอันดับที่สาม รองจากจีน และญี่ปุ่น ซึ่งเอเชียยังเป็นตลาดสำคัญและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีที่สุด และเอเชียมีสัดส่วนตลาดมากกว่า 53% ของทั่วโลก
“ขณะที่หากมองในส่วนของ เดอะมอลล์ พบว่า แผนกนาฬิกาจะมีการเติบโตประมาณ 4% มากกว่าตลาดรวมและคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะเติบโตประมาณ 4% แน่นอน โดยมาจากการทำตลาดและการส่งเสริมการขาย อีกทั้งปัจจุบันภาษีนำเข้านาฬิกาในไทยมีแค่ 5% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับในอดีตที่สูงถึง 30% เช่นเดียวกับจีนที่ในขณะนี้เก็บ 30% จึงทำให้ราคาในไทยค่อนข้างต่ำและส่งผลให้นักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อนาฬิกาในไทยมากขึ้น”
อีกทั้งในช่วงไตรมาสที่สามนี้จะเป็นช่วงของการจัดเทศกาลงานแฟร์นาฬิกาใหญ่ๆ ของผู้ประกอบการหลายรายซึ่งจะยิ่งช่วยทำให้กระตุ้นการจับจ่ายมากขึ้นด้วย โดย “เดอะมอลล์” ได้จัดงาน “เอ็มควอเทียร์ เวิลด์ วอตช์ 2015” ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-17 สิงหาคม ศกนี้ ณ ควอเทียร์ ฮอลล์ ชั้น 4 และควอเทียร์ แกลเลอรี ชั้นเอ็ม ดิ เอ็มควอเทียร์ และที่เอ็มโพเรียม, สยามพารากอน และเดอะมอลล์ รวมพื้นที่จัดงาน 3.5 พันตารางเมตร มากกว่าทุกปีที่จัดมาและถือเป็นปีแรกที่จัดที่ ดิ เอ็มควอเทียร์ ด้วย โดยใช้งบจัดงาน 40 ล้านบาท คาดมีลูกค้าเป็นคนไทย 70% เป็นต่างชาติ 30%
บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน มียอดขายทั้งงานประมาณ 350 ล้านบาท โดยมีนาฬิกามากกว่า 180 แบรนด์เท่ากับปีที่ผ่านมา และมี 8 แบรนด์มาใหม่ที่ร่วมเปิดตัวในงานด้วย คือ TUDOR มาจากประเทศ switzerland, MICHEL HERBELIN = Exclusive Brand (switzerland), JACOB JENSEN (switzerland), ROBERTO CAVALLI BY FRANCK MULLER (switzerland), AVIATOR = exclusive (switzerland), DIETRICH = exclusive ( switzerland), HELFER = EXCLUSIVE (switzerland), ARTISAN (Exclusive Thailand โดยมีราคาสินค้าเฉลี่ยขายในงานจะเริ่มต้นที่หลัก 1 พันกว่ายาทจนถึง 13 ล้านบาท
“บริษัทฯ มั่นใจว่ามีจำนวนแบรนด์นาฬิกามากกว่าที่คู่แข่งจัดงานและมีไฮไลต์มากกว่า อีกทั้งยังมีสิทธิพิเศษแตกต่างเพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น ส่วนลดสูงสุด 70% รับของสมนาคุณรวมประมาณ 10 ล้านบาท พิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเอ็มการ์ด รับส่วนลดเพิ่ม 10% พร้อมรับสิทธิพิเศษลดเพิ่ม 12.5% เมื่อใช้คะแนนสะสมเอ็มพอยต์เท่ากับยอดซื้อ อีกทั้งโปรแกรมผ่อน 0% นาน 10 เดือน”
งาน “EMQUARTIER WORLD WATCH 2015”จัดขึ้นบน 4 พื้นที่คือ ควอเทียร์ ฮอลล์ ชั้น 4 ควอเทียร์ แกลเลอรี ชั้น M ดิ เอ็มควอเทียร์ และพื้นที่ Watch Galleria ที่ เอ็มโพเรียม และพารากอน รวมกว่า 3.5 พันตร.ม. รวบรวมนวัตกรรมนาฬิกาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกกว่า 180 แบรนด์มาจัดแสดงในคอนเซ็ปต์ “THE EVOLUTION OF TIMEPIECE” ตอบโจทย์ความต้องการในทุกๆ ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทั้ง MASTERPIECE, LUXURY, FASHION & TRENDS ฯลฯ พร้อมชมไฮไลต์การแสดงสุดยอดวิวัฒนาการที่เด่นๆ ในปี 2015 จากแบรนด์ต่างๆ เช่น
· FRANCK MULLER (แฟรงค์ มูลเร่อ) รุ่น Giga Tourbillon (กิก้า ทูร์บิญอง) ราคา 10,429,000 บาท ด้วยคุณสมบัติพิเศษนั่นคือกลไกจักรกลที่กลับด้านการจัดวางสะพานจักรมาไว้บนด้านหน้าของหน้าปัดนาฬิกา
· BOVET (โบเว่ต์) รุ่น Amadeo Fleurier Tourbillon Virtuoso IV ลิมิเต็ด เอดิชัน เพียง 1 เรือนในประเทศไทย ราคา 13,500,000 บาท แตกต่างด้วยหน้าตาที่มาพร้อมรูปแกะสลักสามมิติรูปช้างหนึ่งคู่ที่ถูกผลิตและสลักเสลาทั้งหมดจากช่างฝีมือ
· GRAND SEIKO (แกรนด์ ไซโก้) รุ่น Historical Collection ผลิตจำนวนจำกัด 600 เรือนทั่วโลก และมีเพียง 20 เรือนในประเทศไทย
· SEIKO รุ่น Monster Prospex Royal Blue Limited Edition ผลิตมาจำนวนจำกัดเพียง 1,750 เรือน เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ใช้เทคนิคพิเศษในการผลิต
· MAURICE LACROIX รุ่น Masterpiece Gravity ผลิตจำนวนจำกัด 250 เรือนทั่วโลก และมีเพียง 15 เรือนในประเทศไทย
· SCUDERIA FERRARI (สะกูเดเรีย เฟอร์รารี่) รุ่น SF108 Gran Premio Worldtime LimitedEdition ผลิตจำนวนจำกัด 100 เรือนทั่วโลก ระบุเลข Serial Number ที่ฝาหลัง และมีเพียง 1 เรือนในประเทศไทย
