“บ๊อช” เปิดตลาด D.I.Y. เจาะฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่ม หลังพบตลาดมีศักยภาพมากกว่า 6,000 ล้านบาท ล่าสุดจัดงาน “โฮมโปร & บ๊อช 19th” คืนกำไรลูกค้าลดสูงสุด 20% เชื่อดันยอดขายกลุ่มเพาเวอร์ทูลโต 7-8% ในปีนี้ พร้อมส่งบ๊อชโต 2 หลักจากปีก่อนปิดรายได้ที่ 9,400 ล้านบาทในไทย
นายชัยพร รัตนเชตกุล ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายเครื่องมือไฟฟ้า บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องมือไฟฟ้าสำหรับช่างในไทยเชื่อว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเป็นไปตามภาคธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในมูลค่าดังกล่าวเชื่อว่าจะมีโอกาสเป็นกลุ่มเครื่องมือช่างแบบ D.I.Y. หรือ Do it Yourself สูงถึง 6,000 ล้านบาทได้ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีใครเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ขณะที่ต่างประเทศกลุ่มเครื่องมือช่างกับ D.I.Y. มีสัดส่วนที่ 50% เท่าๆ กัน
ดังนั้น ทางบริษัทฯ จึงมีแผนที่จะรุกตลาด D.I.Y. มากขึ้น ด้วยเครื่องมือช่างในรูปแบบไร้สาย จำนวนกว่า 40-50 เอสเคยู ที่เริ่มเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปีก่อน แต่ปีนี้จะเน้นกลยุทธ์การใช้งาน สร้างตลาดในกลุ่ม D.I.Y. มากขึ้น โดยพบว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่และนักศึกษาเป็นกลุ่มที่นิยมเครื่องมือช่างประเภทนี้สูงขึ้น โดยหวังมีส่วนแบ่งในตลาดนี้เพียง 1% หรือ 600 ล้านบาทก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว จากรายได้ของกลุ่มเครื่องมือไฟฟ้า หรือเพาเวอร์ทูล ในปีก่อนกลุ่ม D.I.Y. มีสัดส่วนเพียง 1% ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 3%
“ตลาด D.I.Y. เป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพอย่างมากในต่างประเทศ แต่ในไทยอาจจะยังไม่นิยม น่าจะมาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าแรง หรือภูมิอากาศที่ทำให้เครื่องมือ D.I.Y. ได้รับความนิยมน้อยกว่าในต่างประเทศ แต่หากมีการผลักดันให้ตลาดนี้เติบโตขึ้น เชื่อว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาทได้ และเป็นตลาดที่จะทำให้บ๊อชเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย”
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับทางโฮมโปร จัดงาน “โฮมโปร & บ๊อช 19th” ขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ก.ค.นี้ เพื่อฉลอง 19 ปีแห่งพันธมิตรที่ยาวนาน พร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยการมอบโปรโมชันพิเศษ พร้อมรับส่วนลดเพิ่ม 20% จากการซื้อเครื่องมือไฟฟ้าบ๊อช ที่สำคัญในงานยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่กลุ่มเครื่องมือไฟฟ้าไร้สาย และเครื่องมือ D.I.Y. ด้วย เช่น Wireless charging system, เครื่องวัดระยะเลเซอร์ GLM 100C, เครื่องวัดระยะ GLM 40 เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค
นายชัยพรกล่าวต่อว่า ปกติกลุ่มเครื่องมือไฟฟ้าของบ๊อชจะมีอัตราการเติบโต 2 หลักมาโดยตลอด ขณะที่ปีก่อนเติบโตหลักเดียว ส่วนปีนี้ตั้งเป้าโต 7-8% ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ทั้งนี้ มองว่าในปีหน้าด้วยเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ที่กำลังจะออกมาจะส่งผลให้ตลาดรวมเครื่องมือไฟฟ้ากลับมาเติบโตได้ 2 หลักอย่างในปีก่อนๆ ได้อีกครั้ง
จากปัจจุบันบ๊อชในประเทศไทยมีธุรกิจหลักอยู่หลายกลุ่ม โดยกลุ่มออโตโมทีฟทำรายได้มากสุด รองลงมาคือกลุ่มเพาเวอร์ทูล หรือเครื่องมือไฟฟ้า ซึ่งในปีนี้มองว่าภาพรวมรายได้ทั้งหมดจะยังเติบโต 2 หลักตามแผนที่วางไว้ จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 9,400 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มเพาเวอร์ทูลหรือเครื่องมือไฟฟ้า มีช่องทางขายหลักอยู่ 3 ช่องทาง คือ 1. เทรดิชันนัลเทรด 70% ปีนี้ยอดขายโตทรงตัว 2. มัลติเพิลเทรด 25-26% เป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุดไม่ต่ำกว่า 20% และ 3. อุตสาหกรรม 6-7% เป็นกลุ่มที่เติบโตคงที่ แต่ปีหน้ามีเมกะโปรเจกต์น่าจะโตดีขึ้น