xs
xsm
sm
md
lg

“ฉัตรชัย” กู้วิกฤตส่งออก นัดหารือ CEO ธุรกิจทำแผนผลักดันยอด หวังทั้งปีโตตามเป้า 1.2%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ฉัตรชัย” ทำยุทธศาสตร์กู้วิกฤตส่งออก หวังดันเป้าปีนี้โตให้ได้ 1.2% ตามที่คาดไว้ เล็งนัดหารือ CEO ธุรกิจ เป้าหมาย 4 กลุ่มหลัก ทำแผนผลักดันการส่งออกร่วมกัน ประเดิมถกกลุ่มรถยนต์ ก่อนขยายไปยังกลุ่มอื่นๆ มั่นใจเพิ่มมูลค่าส่งออกได้อีกเพียบแน่ พร้อมลุยเจาะตลาดสหรัฐฯ และจีน หลังพบมีโอกาสเติบโตสูง

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำยุทธศาสตร์การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อผลักดันให้การส่งออกเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.2% มูลค่า 230,254 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ปัจจุบันในช่วง 5 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-พ.ค.) ส่งออกมีมูลค่ารวม 88,694 ล้านเหรียญสหรัฐ อีก 7 เดือนต้องทำเพิ่มอีก 141,560 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแผนที่จะดำเนินการจะเป็นแผนเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที นอกเหนือจากแผนงานปกติที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดำเนินการอยู่

ทั้งนี้ รูปแบบการดำเนินการ กระทรวงฯ จะเชิญผู้บริหารระดับสูง (CEO) ของบริษัทต่างๆ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมหนัก เกษตรและอาหาร ปิโตรเคมี อัญมณีและเครื่องประดับ มาหารือเพื่อร่วมกันจัดทำแผนผลักดันการส่งออก เพราะเอกชนเองก็มีแผนการส่งออกของตัวเองอยู่แล้ว ก็ต้องมาดูกันว่าจะมาทำแผนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ได้อย่างไร เพื่อให้การทำงานสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีเป้าหมายผลักดันการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้น

“วันที่ 13 ก.ค.นี้จะนำร่องเชิญผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของไทย ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า บีเอ็มดับเบิลยู และมิตซูบิชิ มาหารือเพื่อร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้การผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมาคุยกันเลยว่าถ้าจะผลักดันการส่งออกให้ได้เพิ่มขึ้นต้องทำอย่างไร วิธีการแบบไหน รัฐจะช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ก็จะดำเนินการร่วมกันทันที โดยจะมีการหารือในลักษณะเดียวกันนี้กับ CEO ของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ ด้วย” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับสินค้าส่งออกใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 57% ของยอดการส่งออกรวม โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันการส่งออกให้ได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมหนัก ประกอบด้วย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ วัสดุก่อสร้าง แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีเป้าหมายการส่งออกขยายตัว 5.1% มูลค่า 86,712 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันส่งออกได้มูลค่า 33,081 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอีก 7 เดือนจากนี้จะต้องส่งออกเพิ่มขึ้นอีก 53,631 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เป้าหมายส่งออกของเอกชนโดยรวมอยู่ที่ 3.4% มูลค่า 85,252 ล้านเหรียญสหรัฐ

2. เกษตรและอาหาร ประกอบด้วย ข้าว อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้ง ผัก ผลไม้ ไก่สดแช่เย็น และแปรรูป น้ำตาล เป้าหมายติดลบไม่เกิน 2.5% มูลค่า 19,988 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันส่งออกได้มูลค่า 7,575 ล้านเหรียญสหรัฐ ต้องทำเพิ่มอีก 12,413 ล้านเหรียญสหรัฐ

3. ปิโตรเคมี ประกอบด้วย เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ต้องติดลบไม่เกิน 10.9% มูลค่า 16,284 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันส่งออกได้มูลค่า 6,292 ล้านเหรียญสหรัฐ ต้องทำเพิ่มอีก 9,992 ล้านเหรียญสหรัฐ

4. อัญมณีและเครื่องประดับ ประกอบด้วย อัญมณีและเครื่องประดับ (หักทองคำ) เป้าหมายขยายตัว 6.8% มูลค่า 7,795 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันส่งออกได้มูลค่า 2,971 ล้านเหรียญสหรัฐ ต้องทำเพิ่มอีก 4,824 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนสินค้าอื่นๆ เป้าหมาย 99,476 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันส่งออกได้ 60,700 ล้านเหรียญสหรัฐ

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในส่วนตลาดส่งออก จะเน้นตลาดสหรัฐฯ หลังจากมีแนวโน้มการขยายตัวได้สูงขึ้น และไทยยังได้รับผลดีจากการที่สหรัฐฯ ต่ออายุสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ทำให้มีโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดจีน แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะน่าเป็นห่วง แต่จะเน้นการทำตลาดเมืองใหม่ๆ ที่อยู่กลางทวีป เพราะยังมีโอกาสขยายตัวได้อีก ขณะที่เมืองเดิมๆ ให้รักษาฐานตลาดเอาไว้ และยังพบว่ารูปแบบการค้า E-Commerce ในจีนมีอัตราขยายตัวสูงถึง 48.7% ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับสินค้าไทย โดยขอให้ทูตพาณิชย์ติดตามเพื่อขยายผลต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ค.นี้กระทรวงฯ มีแผนที่จะผลักดันการส่งออก โดยจะจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเยือนแอฟริกาใต้ เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าข้าว ยางพารา และประเทศโมซัมบิก เพื่อเจรจาขยายตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงข้าว ที่ก่อนหน้านี้ตลาดเคยเป็นของไทย และขาดหายไปนาน จึงต้องไปทวงกลับคืน ส่วนตลาดอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผน แต่จะมีทยอยออกมาต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ไปพบปะเจรจากับผู้นำเข้าในประเทศที่ตนเองดูแลอยู่ และให้นำคณะผู้แทนการค้าเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าไทยเพื่อช่วยเพิ่มยอดการส่งออก โดยล่าสุดทูตพาณิชย์ที่เกาหลีใต้มีแผนที่จะจัดคณะผู้ซื้อจำนวน 60 รายเดินทางมาซื้อสินค้าอาหาร อุตสาหกรรมหนัก ไลฟ์สไตล์ สิ่งทอ ที่ประเทศไทยในวันที่ 16 ก.ค.นี้ และหวังว่าทูตพาณิชย์ประเทศอื่นๆ จะมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออก ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกยังน่าเป็นห่วง และอาจจะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย แต่เชื่อว่าไทยยังมีโอกาสในการส่งออกได้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันประเทศที่ส่งออกหลายๆ ประเทศต่างมียอดการส่งออกที่ขยายตัวลดลง ขณะที่ไทยแม้จะลดลงก็ไม่ถือว่าลดลงมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ ส่วนปัจจัยอื่นๆ แม้จะไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น เช่น วิกฤตหนี้กรีซ ที่ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนลงกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยุโรป เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น