คาดทีวีดิจิตอลไปรอดแค่ 16 ช่องในปีหน้า “RS” ทุ่มอีก 500 ล้านบาทบูมละคร จับมือ “เจเอสแอล-กันตนา” ปล่อยวาไรตีหมัดเด็ดเพิ่มฐานคนเมือง หวังดันเรตติ้งสู่อันดับ 3 ในสิ้นปี ด้วยรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.9 พันล้านบาท ชี้ราคาโฆษณาทีวีดิจิตอลปีหน้าลดความห่างชั้นฟรีทีวีเพียง 3 เท่าจากปีนี้อยู่ที่ 5 เท่า
ดร.องอาจ สิงห์ลำพอง กรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ “ช่อง 8 ดิจิตอลทีวี” บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันทีวีดิจิตอลมองในภาพรวมมีอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มท็อป 5 ที่ดำเนินธุรกิจต่อได้ 2. กลุ่มที่พอที่จะทรงตัวและพยายาม อาจสั่นคลอนแต่ยังทำธุรกิจได้ระดับหนึ่ง 3. กลุ่มที่จะอยู่ไม่ได้ โดยในปีหน้าจะเหลือเพียง 2 กลุ่มแรกเท่านั้น หรือน่าจะมีจำนวนช่องเหลืออยู่เพียง 15-16 ช่องจากที่มีอยู่ 20 กว่าช่องในปัจจุบัน
สถานการณ์ทีวีดิจิตอลจะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากปัจจัยบวก 2 ข้อ คือ การเข้าถึงทีวีดิจิตอลของประชาชนเพิ่มขึ้นทำให้เริ่มหันมาชมช่องทีวีดิจิตอลสูงขึ้น และการแข่งขันของแต่ละช่องที่พร้อมใช้งบลงทุนเพิ่มคอนเทนต์เพื่อสร้างเรตติ้ง จะทำให้อุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลในภาพรวมเติบโตขึ้นและเข้าสู่มาตรฐานของการทำธุรกิจทีวีดิจิตอลต่อไป ส่วนปัจจัยลบนั้นมองว่ากระแสที่เกิดขึ้นกับทีวีดิจิตอลที่บางช่องถอนตัวออกไปจะทำให้เกิดการบั่นทอนความเชื่อมั่นของลูกค้า ผู้ชม และเอเยนซี ที่จะทำให้เกิดความลังเลและคิดรอบคอบมากขึ้นในการใช้เงินกับสื่อทีวีดิจิตอล
“จากความนิยมของทีวีดิจิตอลที่ดีขึ้น ส่งผลให้ช่องว่างราคาโฆษณาทีวีดิจิตอลและฟรีทีวีที่อยู่ห่างกันราว 4-5 เท่าในปัจจุบันจะลดเหลือเพียง 3 เท่าในปี 2559 ส่วนหนึ่งมาจากทีวีดิจิตอลมีเรตติ้งรายการที่ดีขึ้น อีกส่วนมาจากฟรีทีวีมีราคาโฆษณาที่ปรับลงเพื่อแข่งกับทีวีดิจิตอลเพราะไม่สามารถปรับขึ้นได้ โดยมั่นใจว่าอัตราโฆษณาของทีวีดิจิตอลและฟรีทีวีจะอยู่ในระดับเดียวกันภายใน 2-3 ปี”
ดร.องอาจกล่าวต่อว่า ในส่วนของช่อง 8 จากผลสำรวจของ “เดอะ นีลเส็น คอมปะนี” พบว่า ในเดือน พ.ค. 58 ที่ผ่านมามีเรตติ้งช่องอยู่ในอันดับ 4 รองจาก ช่อง 7, ช่อง 3 และเวิร์คพ้อยท์ทีวี โดยมีช่องโมโน 29 อยู่ในลำดับ 5 และเมื่อเทียบประเภทรายการแล้วในกลุ่มรายการข่าวเช้า รายการ “คุยข่าวช่อง 8” อยู่ในอันดับ 3 รองจากรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ช่อง 7 และ “เรื่องเล่าเช้านี้” ช่อง 3 ส่วนละครหลังข่าวพบว่าละครเรื่อง “ลิเกหมัดสั่ง” ของช่อง 8 อยู่ในอันดับ 3 เช่นกันรองจาก “สิงห์รถบรรทุก” ช่อง 7 และ “หนึ่งในทรวง” ช่อง 3
ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ พร้อมใช้งบลงทุนอีกกว่า 500 ล้านบาทจากงบรวม 1.2 พันล้านบาท แบ่งเป็น การพัฒนาเทคโนโลยีการออกอากาศ 100 ล้านบาท และอีก 400 ล้านบาทสำหรับเพิ่มคอนเทนต์ละครอีก 10 เรื่อง โดยร่วมมือผลิตรายการใหม่กับพาร์ตเนอร์รายใหญ่คือ “เจเอสแอล” รวม 5 รายการ คือ วาไรตี 2 รายการ ซิตคอม 1 รายการ และละครอีก 2 เรื่อง โดยจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่เดือน ส.ค. 58 เป็นต้นไป นอกจากนั้นยังมีการเจรจาเพิ่มเติมกับ “กันตนา” ด้วย
“ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังจะเน้นละครเป็นหัวหอกในการสร้างเรตติ้งและเพิ่มฐานคนเมืองมากขึ้น โดยจากเดิมมี 2 เรื่องต่อสัปดาห์จะเพิ่มเป็น 3 เรื่องต่อสัปดาห์ พร้อมลดช่วงเวลาในรายการวาไรตีเพื่อเพิ่มรายการใหม่เข้ามาและเพิ่มเวลาข่าวให้นานขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ช่อง 8 มีความแข็งแกร่งและมีเรตติ้งที่ดีขึ้น โดยมั่นใจว่าช่อง 8 จะก้าวขึ้นมาเป็นท็อป 3 ของทีวีรวมได้ภายในสิ้นปี 2558”
ดร.องอาจกล่าวตอนท้ายว่า ในแง่ของรายได้ครึ่งปีแรกต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย หรือทำได้เพียง 30% จากเดิมที่วางไว้ว่าจะทำได้ 35% ของเป้าหมาย 1.9 พันล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีหลังจะต้องเร่งหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์มาร์เกตติ้ง ด้วยการหารายได้ผ่านยูทิวบ์ เป็นต้น หรือการขายลิขสิทธิ์ละครให้ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า และกัมพูชา เป็นต้น โดยมั่นใจว่าช่อง 8 จะสามารถทำรายได้ตามแผนที่วางไว้คือคิดเป็น 40% ของรายได้รวม “อาร์เอส” ที่ตั้งไว้ 4.9 พันล้านบาทในปี 2558