ผู้นำด้านธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็งครบวงจรจากปลาทะเล ทุ่มทุน 400 ล้านบาทขยายโรงงานผลิตเต็มกำลัง รองรับตลาดทั้งในประเทศและส่งออกต่อเนื่อง 3 ปี เล็งขยายฐานผลิตใหม่ในอินโดนีเซีย เพิ่มช่องทางขยายตลาดหาร “ฮาลาล” เจาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เตรียมเปิดตัว 20 เมนูอาหารพร้อมรับประทานรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ หวังขยายตลาดในประเทศ 15% ทำยอดขายรวม 5 พันล้านบาทในปี 58
นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. ผู้นำด้านธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็งครบวงจรจากปลาทะเล ภายใต้แบรนด์ “PFP” เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% แต่คาดว่าทั้งปีจะมียอดขายตามเป้าหมายคือประมาณ 5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากยอดขายรวม 4.5 พันล้านบาทในปี 2557
บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปแช่แข็งประมาณ 38% โดยมีนโยบายขยายตลาดภายในประเทศให้เติบโตปีละ 15% เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือภัตตาคาร ร้านอาหารชั้นนำ และลูกค้าทั่วไป โดยเชื่อว่ากำลังซื้อในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 น่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น เพราะถือว่าผ่านช่วงที่กำลังซื้อตกต่ำมากที่สุดไปแล้วและเริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นเงินเดือนของพนักงานประจำ รวมถึงแนวโน้มของราคาพืชผลทางเกษตรที่มีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
“ในปี 2558 บริษัทฯ พร้อมใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทในการดำเนินกิจกรรมการตลาดต่างๆ โดยเน้นการจัดกิจกรรมโรดโชว์ รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อท้องถิ่น หรือเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับ B- และ B+ ได้มากยิ่งขึ้น” นายทวี กล่าวเสริม
บริษัทฯ ยังมีแผนใช้เงินลงทุนจำนวน 100 ล้านบาทเพื่อติดตั้งเครื่องจักรใหม่ภายในโรงงาน จ.สงขลา โดยจะขยายธุรกิจเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ “PFP” ประมาณ 20 รายการโดยใช้วัตถุดิบหลักเป็นเนื้อปลาชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้สูงอายุภายในประเทศเนื่องจากประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเป็นสังคมที่มีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมเงินลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาทในการขยายกำลังผลิตเพิ่มจากปัจจุบันที่ใช้ไปแล้ว 90% เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่องอีก 3 ปี
นายทวี กล่าวถึงแผนการตลาดต่างประเทศว่า บริษัทฯ เริ่มให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้บริโภคในประเทศมุสลิม เพื่อรองรับการเติบโตของอาหาร “ฮาลาล” ทั้งยังถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ขยายตลาดอาหารแปรรูปแช่แข็งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, จอร์แดน และอื่นๆ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละประเทศเป็นหลัก รวมถึงการคำนึงถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐานด้วยการใช้เครื่องมือการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับโลก
สำหรับแผนการตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น บริษัทฯ เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2557 จนทำให้แบรนด์ “PFP” เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ขณะที่มียอดขายเติบโตขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย โดยขณะนี้กำลังศึกษาและวางแผนขยายธุรกิจในอนาคตด้วยการเข้าไปตั้งฐานการผลิตพร้อมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อบุกตลาดผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลอีกทางหนึ่งด้วย
“ส่วนกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ถือเป็นกลุ่มประเทศที่เริ่มมีการเติบโตสูงขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยเรายังเป็นรายแรกๆ ที่เปิดตลาดการค้าชายแดน พร้อมเน้นทำการตลาดเชิงลึกมากขึ้นในหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงและเกิดความใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์ของเราได้มากขึ้น โดยกำลังศึกษาแผนการพัฒนาธุรกิจในประเทศเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องและผู้บริโภคเริ่มมีกำลังซื้อสูงขึ้น” นายทวี กล่าวในที่สุด
นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. ผู้นำด้านธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็งครบวงจรจากปลาทะเล ภายใต้แบรนด์ “PFP” เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% แต่คาดว่าทั้งปีจะมียอดขายตามเป้าหมายคือประมาณ 5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากยอดขายรวม 4.5 พันล้านบาทในปี 2557
บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปแช่แข็งประมาณ 38% โดยมีนโยบายขยายตลาดภายในประเทศให้เติบโตปีละ 15% เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักคือภัตตาคาร ร้านอาหารชั้นนำ และลูกค้าทั่วไป โดยเชื่อว่ากำลังซื้อในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 น่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น เพราะถือว่าผ่านช่วงที่กำลังซื้อตกต่ำมากที่สุดไปแล้วและเริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นเงินเดือนของพนักงานประจำ รวมถึงแนวโน้มของราคาพืชผลทางเกษตรที่มีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
“ในปี 2558 บริษัทฯ พร้อมใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทในการดำเนินกิจกรรมการตลาดต่างๆ โดยเน้นการจัดกิจกรรมโรดโชว์ รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อท้องถิ่น หรือเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับ B- และ B+ ได้มากยิ่งขึ้น” นายทวี กล่าวเสริม
บริษัทฯ ยังมีแผนใช้เงินลงทุนจำนวน 100 ล้านบาทเพื่อติดตั้งเครื่องจักรใหม่ภายในโรงงาน จ.สงขลา โดยจะขยายธุรกิจเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ “PFP” ประมาณ 20 รายการโดยใช้วัตถุดิบหลักเป็นเนื้อปลาชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้สูงอายุภายในประเทศเนื่องจากประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเป็นสังคมที่มีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมเงินลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาทในการขยายกำลังผลิตเพิ่มจากปัจจุบันที่ใช้ไปแล้ว 90% เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่องอีก 3 ปี
นายทวี กล่าวถึงแผนการตลาดต่างประเทศว่า บริษัทฯ เริ่มให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้บริโภคในประเทศมุสลิม เพื่อรองรับการเติบโตของอาหาร “ฮาลาล” ทั้งยังถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ขยายตลาดอาหารแปรรูปแช่แข็งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, จอร์แดน และอื่นๆ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละประเทศเป็นหลัก รวมถึงการคำนึงถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐานด้วยการใช้เครื่องมือการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับโลก
สำหรับแผนการตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น บริษัทฯ เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2557 จนทำให้แบรนด์ “PFP” เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ขณะที่มียอดขายเติบโตขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย โดยขณะนี้กำลังศึกษาและวางแผนขยายธุรกิจในอนาคตด้วยการเข้าไปตั้งฐานการผลิตพร้อมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อบุกตลาดผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลอีกทางหนึ่งด้วย
“ส่วนกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ถือเป็นกลุ่มประเทศที่เริ่มมีการเติบโตสูงขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยเรายังเป็นรายแรกๆ ที่เปิดตลาดการค้าชายแดน พร้อมเน้นทำการตลาดเชิงลึกมากขึ้นในหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงและเกิดความใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์ของเราได้มากขึ้น โดยกำลังศึกษาแผนการพัฒนาธุรกิจในประเทศเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องและผู้บริโภคเริ่มมีกำลังซื้อสูงขึ้น” นายทวี กล่าวในที่สุด