xs
xsm
sm
md
lg

“ทียูเอฟ” โชว์ผลงาน Q1 กำไรพุ่ง 58.7%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ธีรพงศ์ จันศิริ” ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน
“ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์” รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/58 ทำยอดขายรวม 2.86 หมื่นล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิสูงถึง 58.7% เหตุรับอานิสงส์หลายด้านหลังซื้อกิจการ 3 แบรนด์ดังยุโรปในปี 57 ทั้งค่าเงินยูโรอ่อนตัว พร้อมขยายตลาดผลิตภัณฑ์แช่แข็งในอเมริกาโต 43% ขณะที่ทำยอดขายในประเทศเพิ่ม 25% มั่นใจปี 58 ทำรายได้รวมทะลุ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ทียูเอฟ” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2558 ว่า บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมเท่ากับ 28,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากยอดขาย 27,948 ล้านบาทในช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.7% ขณะเดียวกันยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 13.8% ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับไตรมาสสี่ของปี 2557

สำหรับภาพรวมสัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ มาจาก 6 กลุ่มธุรกิจแบ่งตามผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจปลาทูน่า 38% กลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 28% กลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 9% กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 6% กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 6% และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 13%

“เมื่อพิจารณาจากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่ายอดขายของธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง และธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรลเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้ของบริษัท เมอร์อไลอันซ์, บริษัท คิง ออสการ์ และบริษัท โอไรออน ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการไปเมื่อปีที่แล้ว” นายธีรพงศ์กล่าวเสริม

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจทียูเอฟมีสัดส่วนรายได้จากประเทศต่างๆ ดังนี้ สหรัฐอเมริกา 43% ยุโรป 28% ตลาดในประเทศ 9% ญี่ปุ่น 6% และอื่นๆ รวม 14 % โดยรายได้จากตลาดสหรัฐอเมริกาที่โดดเด่นส่วนหนึ่งมาจากผลิตภัณฑ์แช่แข็งที่ช่วยให้บริษัทฯ มีการเติบโตถึง 43% ของยอดขายรวม ขณะเดียวกันยอดขายภายในประเทศของไตรมาสแรกยังเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน

“ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาหากไม่ได้รับผลกระทบด้านราคาวัตถุดิบปลาทูน่าและกุ้งจนส่งผลต่อธุรกิจรับจ้างผลิตอาจสามารถทำยอดขายได้มากกว่านี้ แต่ในส่วนของกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแบรนด์ต่างๆ ในยุโรป จึงคาดว่าในปี 2558 บริษัทฯ จะสามารถทำยอดขายรวมได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ” นายธีรพงศ์กล่าวในตอนท้าย




กำลังโหลดความคิดเห็น