เอเชียบูมเครื่องทำน้ำอุ่น “สตีเบล” อัด 20 ล้านบาทผุดโรงงานแห่งที่ 2 หวังเพิ่มกำลังผลิตและไลน์ผลิตใหม่ ชี้ไทยยอดขายดีสุดในเอเชีย ปีนี้ตั้งเป้าโต 15% จาก 970 ล้านบาทในปีก่อน โตสวนทางตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนมูลค่า 2,000 ล้านบาทที่ปีนี้คาดทรงตัว หรือติดลบ 5% เหตุกำลังซื้อหดตัวตามสภาพเศรษฐกิจ
นายโรนัลด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนของสตีเบลในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกปีที่ผ่านมาทำรายได้กว่า 1,800 ล้านบาท จากรายได้รวมทั่วโลก 17,000 ล้านบาท โดยยอดขายหลักในเอเชียมาจากประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง โดยพบว่าการเติบโตในฟิลิปปินส์และฮ่องกงเติบโตสูงมาก เนื่องจากมีฐานที่ยังเล็กอยู่ ขณะที่ไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด
ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออกที่ 34% คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 220 ล้านบาท รวมกว่า 97,000 ยูนิต จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจึงได้ทุ่มงบอีก 15-20 ล้านบาท เพิ่มโรงงานแห่งที่สองติดกับที่เดิมด้วยพื้นที่เท่ากัน เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในอนาคต รองรับการส่งออกและความต้องการในประเทศ รวมถึงเพิ่มไลน์ผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องกรองน้ำจากเดิมที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า จากปัจจุบันโรงงานเดิมมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2.8-3.5 แสนเครื่องต่อปี สูงกว่าที่กำหนดไว้
ส่วนตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนในไทยมูลค่า 2,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะทรงตัวหรือมีแนวโน้มติดลบ 5% เช่นเดียวกับปีก่อนที่ติดลบ 5% ซึ่งถือเป็นปีแรกในรอบ 4-5 ปีที่ตลาดติดลบจากปกติโต 5-10% โดยเชื่อว่าในปีนี้จะมีความต้องการสินค้าอยู่ที่ 6 แสนเครื่อง หรือต่ำกว่านั้น ส่วนสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้บริโภคพิจารณาการใช้เงินมากขึ้นและชะลอการซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นออกไป
อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทฯ พร้อมใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาทในการประชาสัมพันธ์และกระตุ้นยอดขาย พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่อีก 5 รุ่น และเครื่องกรองน้ำอีก 2 รุ่นเข้ามาทำตลาด พร้อมเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น มั่นใจว่าทั้งปีจะมียอดขายเติบโตได้อย่างน้อย 15% จากปีก่อนมีรายได้ 970 ล้านบาท เติบโต 26% และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 25%
“ปีที่ผ่านมา สตีเบลมียอดขายเติบโตกว่า 26% สวนทางกับตลาดที่ติดลบ เนื่องจากการเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่ เช่น บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส อย่างละ 50 สาขา บวกกับคุณภาพสินค้าและดีไซน์ ทำให้ยอดขายยังเติบโตได้ดีอยู่” นายโรลันด์กล่าวในที่สุด
