กฟผ.ลงนามสัญญางานซื้อและจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 กับกิจการค้าร่วม บริษัท อัลสตอม เพาเวอร์ ซิสเต็ม ประเทศฝรั่งเศส บริษัท อัลสตอม (ประเทศไทย) จำกัด และมารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น ปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้าใหม่ ใช้เทคโนโลยีทันสมัย คาดจ่ายไฟปี 2561
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (9 มี.ค.) กฟผ.ได้ลงนามสัญญางานซื้อและจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะฯ กับกิจการค้าร่วม บริษัท อัลสตอม เพาเวอร์ ซิสเต็ม ประเทศฝรั่งเศส บริษัท อัลสตอม (ประเทศไทย) จำกัด และมารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น บริษัทเอกชนผู้ชนะการประกวดราคา
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะฯ เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 ขนาดกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ ของ กฟผ.ได้หมดวาระการใช้งาน เนื่องจากมีอายุการใช้งานมานานถึง 33 ปี กฟผ.จึงมีนโยบายก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเดิมเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้ใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าน้อยลง รวมถึงปล่อยมลสารน้อยลงอีกด้วย โครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 63 ไร่ บริเวณโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ใช้ถ่านหินลิกไนต์ภายในประเทศเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าทดแทนนี้จะใช้เครื่องผลิตไอน้ำแบบแรงดันเหนือวิกฤตที่มีประสิทธิภาพสูงในการเผาไหม้ ซึ่งมีส่วนช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาน้อยลง
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีการติดตั้งเครื่องกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (FGD) เครื่องช่วยควบคุมก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (Low NOx Burner) เครื่องกำจัดฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิตแรงสูง (ESP) เป็นต้น โดยมีกิจการค้าร่วม บริษัท อัลสตอม เพาเวอร์ ซิสเต็ม ประเทศฝรั่งเศส บริษัท อัลสตอม (ประเทศไทย) จำกัด และมารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์และก่อสร้างโรงไฟฟ้าจนแล้วเสร็จ รวมมูลค่างานก่อสร้างกว่า 35,312 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะฯ มีกำหนดแล้วเสร็จและคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561
