“เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมท” เร่งหาสปอนเซอร์เพิ่ม หวังอัดโปรโมชัน กระตุ้นดึงลูกค้าเข้าชมหนังโรงหนังพรีเมียม เพิ่มอัตราการเข้าชมเป็น 40% และเพิ่มรายได้เป็น 93 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่ได้ 50 ล้านบาท
นายจิม แพตเตอร์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์เซ็คคิวทีฟ ซีนีมา คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์ “เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมท สกรีน” ที่ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่” ชิดลม เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 93 ล้านบาท แยกเป็น ตั๋วหนัง 70 ล้านบาท จากสปอนเซอร์ 20 ล้านบาท และจากคอนเซสชันคืออาหารและเครื่องดื่ม 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่เริ่มดำเนินกิจการได้ประมาณ 6 เดือนมีรายได้รวมประมาณ 50 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีการทำตลาดและโปรโมชันกับพันธมิตรมากขึ้น รวมทั้งจะมีการหาสปอนเซอร์เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 3 รายในกลุ่มต่างๆ ที่ยังไม่มี เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น จากเดิมที่มีสปอนเซอร์ 7 ราย ได้แก่ เอไอเอส, เบนซ์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, สายการบินเอมิเรตส์ และโนเบิลเฮ้าส์ โดยแต่ละรายเดิมนั้นจะมีอายุสัญญานาน 3 ปีต่อราย
การมีสปอนเซอร์มากจะทำให้สามารถจัดโปรโมชันได้มากขึ้นและหลากหลายอันจะเป็นการกระตุ้นและดึงดูดลูกค้าเข้าใช้บริการ โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิกของพันธมิตรเดิมสามารถรับสิทธิพิเศษและส่วนลดต่างๆ ได้แล้วแต่โปรโมชัน เช่น ลด 50% ซึ่งโดยเฉลี่ยกว่า 70% จะใช้ส่วนลด 20% ราคาจะเหลือ 720 บาทในวันธรรมดา และเหลือ 800 บาทในวันหยุด ซึ่งเร็วๆ นี้บริษัทฯ เตรียมทำแคมเปญราคาเหลือตั๋วใบละประมาณ 600 กว่าบาท หรือในส่วนของลูกค้าขาจรที่ได้เป็นสมาชิกของพันธมิตร เช่น นักเรียน ลดราคา 20% และผู้เกษียณอายุ ลดราคา 50%
ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 4,000 รายต่อเดือน มีอัตราการเข้าใช้บริการประมาณ 30% ตั้งเป้าหมายเพิ่มลูกค้าอีก 20-25% และเพิ่มอัตราการเข้าชมเป็น 40% ในปี 2558 โดยลูกค้าเป็นคนไทย 50% และเป็นต่างชาติ 50% (แบ่งเป็นคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย 90% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10%)
นายจิมกล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 3 ปีจากนี้ซึ่งเร็วกว่าการทำธุรกิจโรงหนังทั่วไปที่จะคืนทุนประมาณ 7 ปี โดยบริษัทฯ ได้ลงทุนไปประมาณ 120 ล้านบาทในการสร้างโรงภาพยนตร์ระดับพรีเมียมจำนวน 5 โรง ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ มั่นใจว่าตลาดการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ระดับพรีเมียมยังมีการเติบโตที่ดี โดยที่ต้องมีจุดแข็งและจุดแตกต่างในการทำตลาด
