“จักรมณฑ์” เผย “สมอ.” เตรียมปรับมาตรฐานป้องกันเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตจากจีนดัมป์ตลาดภายใน 3-4 เดือน ได้แก่ เหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย ในหัวข้อส่วนประกอบทางเคมี โดยกำหนดการผสมโบรอนต้องน้อยกว่า 0.0008% โครเมียมต้องน้อยกว่า 0.3% และกำหนดให้แสดงชื่อผู้ทำหรือโรงงานที่ผลิต
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากข้อร้องเรียนของผู้ประกอบการเหล็กในประเทศเกี่ยวกับปัญหาการถูกสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาดัมป์ตลาดโดยเฉพาะเหล็กเจืออัลลอย เช่น โบรอนหรือโคเมียมจนทำให้อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศได้รับผลกระทบ ดังนั้นสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็ก 2 มาตรฐาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประชาพิจารณ์เพื่อบังคับใช้ได้ภายใน 3-4 เดือน สำหรับมาตรฐานที่ปรับปรุง ได้แก่ มาตรฐานผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต:เหล็กเส้นกลม มอก.20-2543 และเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต:เหล็กข้ออ้อย มอก.24-2548 ในหัวข้อส่วนประกอบทางเคมี เช่น โบรอนต้องไม่น้อยกว่า 0.0008% โครเมียมต้องน้อยกว่า 0.3% และมีการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ต้องแสดงชื่อผู้ทำหรือโรงงานที่ทำหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนและชื่อผู้ที่ได้รับอนุญาตเป็นตัวนูนถาวรบนเนื้อเหล็กให้เห็นได้ง่ายและชัดเจนขึ้น
“มาตรฐานนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้วเมื่อ 14 ม.ค. และขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ซึ่งเมื่อระเบียบนี้ออกมาก็จะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อการค้าภายในประเทศ” นายจักรมณฑ์กล่าว
นอกจากนี้ สมอ.ยังอยู่ระหว่างการปรับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง วัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์ไม้ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ปลายปี 2558 เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่สอดคล้องกับหลักสากล
สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ทดสอบอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์นั้นจะเริ่มจากศูนย์ทดสอบยางล้อและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับยางล้อทุกประเภทตามมาตรฐาน UNECE R117 ก่อนในเฟสแรกภายในปีงบประมาณ 2559 นี้ โดยจะลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเสนอคณะรัฐมนตรี ส่วนศูนย์ฯ ทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วนเต็มโครงการจริงๆ จะใช้เงินลงทุนรวม 1,600-2,000 ล้านบาท จะมีทั้งหมด 3 เฟส คาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาทั้งหมด 4 ปีจากนี้ไป โดยขณะนี้ สมอ.กำลังประสานหาพื้นที่กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่