ASTVผู้จัดการรายวัน - กรมการท่องเที่ยวเสนอกระทรวงการคลังลดค่าใช้จ่าย 30% ให้กองถ่ายภาพยนตร์ต่างชาติ มุ่งสร้างแรงจูงใจใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำเพิ่มขึ้น หลังสถิติ 3 ปีมีต่างชาติแห่ถ่ายทำในไทยต่อเนื่อง นำขบวนโดยญี่ปุ่น-อินเดีย-เกาหลี-จีน-อเมริกา-ฮ่องกง ส่วนอังกฤษสร้างรายได้ให้ไทยมากที่สุด ส่งผลปี 57 ไทยได้เม็ดเงินกว่า 1.9 พันล้านจากหนังต่างชาติ 631 เรื่อง ส่วนปี 58 คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 2 พันล้านบาท
ว่าที่ ร้อยตรี อานุภาพ เกสรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ภารกิจหนึ่งของกรมการท่องเที่ยวคือรับผิดชอบด้านการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ล่าสุดได้นำเสนอเรื่องต่อกระทรวงการคลัง ในการพิจารณาเรื่องมาตรการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) ให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ เพื่อคืนเงินสด 30% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศใช้จ่ายในประเทศไทย ทั้งเรื่องค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และอื่นๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ยกเลิกภาษีนักแสดงไปแล้ว โดยคาดว่าจะได้รับความเห็นชอบและประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาพยนตร์เรื่องยาว สารคดี โฆษณา ละครโทรทัศน์ และอื่นๆ ที่มีการถ่ายทำจากสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย ส่งผลให้ปี 2557 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากถึง 24 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 29 ล้านคนในปี 2558
กรมการท่องเที่ยวพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นปลายทาง (Destination) และศูนย์กลาง (Hub) การผลิตภาพยนตร์ของทวีปเอเชีย เพราะมีจุดเด่นและศักยภาพหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ความทันสมัยของเทคโนโลยีและเครื่องมือถ่ายทำ การขนส่งคมนาคมที่สะดวกสบาย ความหลากหลายของสถานที่ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของคนไทย จึงทำให้ประเทศต่างๆ ยอมรับและให้ความสนใจในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
“จากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยชาติที่เดินทางเข้ามามากที่สุดคือ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ จีน สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง ตามลำดับ แต่ประเทศที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยมากที่สุดคืออังกฤษ สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน และฮ่องกง ตามลำดับ”
ว่าที่ ร้อยตรี อานุภาพกล่าวอีกว่า แต่ละปีมีต่างชาติใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ทุกชนิด ทั้งภาพยนตร์เรื่องยาว สารคดี โฆษณา ละครโทรทัศน์ และอื่นๆ เป็นจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถิติ 3 ปีล่าสุดพบว่ามีการถ่ายทำภาพยนตร์ 330 เรื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศ 1,700 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มเป็น 700 เรื่อง พร้อมรายได้ 1,900 ล้านบาทในปี 2556 ส่วนปี 2557 มีการถ่ายทำทั้งหมด 631 เรื่อง สร้างรายได้ประมาณ 1,934 ล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีการถ่ายทำไม่น้อยกว่า 600 เรื่อง พร้อมรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท
“ในปี 2556 ที่ประเทศไทยต้องพบกับปัญหาและสถานการณ์ทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยแต่อย่างใด แต่กลับมีการเดินทางเข้ามาถ่ายทำสารคดีต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันถือได้ว่าประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันดับหนึ่งของเอเชีย เพราะนอกจากศักยภาพด้านต่างๆ แล้ว ประเทศไทยยังมีประสบการณ์การทำงานด้านภาพยนตร์กับฮอลลีวูดมาอย่างต่อเนื่องถึง 50 ปี ทั้งยังถือได้ว่ามีค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ”
กรมการท่องเที่ยวมีนโยบายการอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพื่อรองรับกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติ โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2557 และจะเริ่มอบรมอีกครั้งประมาณเดือนเมษายน 2557 เนื่องจากช่วงเวลาที่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากที่สุดคือช่วงเดือนเมษายน และพฤศจิกายน-ธันวาคม
ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเสริมว่า การถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยนอกจากจะให้ประโยชน์ในแง่มูลค่าของรายได้แล้ว ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์และเพิ่มคุณค่าให้ประเทศไทยผ่านการนำเสนอทางภาพยนตร์ จนทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 2558 ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เป็น “ปีท่องเที่ยววิถีไทย” นั้น กระทรวงฯ จึงพยายามแนะนำและส่งเสริมให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติใน “12 เมืองต้องห้าม...พลาด” ได้แก่ เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่าน เลย บุรีรัมย์ ราชบุรี สมุทรสงคราม จันทบุรี ตลาด ชุมพร นครราชสีมา และตรัง เพื่อต้องการให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ถึงไลฟ์สไตล์แบบไทยๆ ที่ไม่เหมือนใครในโลก