กรมเจ้าท่าเตรียมรื้อโครงสร้างค่าโดยสารเรือใหม่ สรุปใน ก.พ.นี้

กรมเจ้าท่าเตรียมปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารเรือใหม่ คาดสรุปได้ใน ก.พ.นี้ เผยเหตุให้สอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบันที่ค่าแรงเพิ่ม เชื่อไม่กระทบค่าโดยสารปัจจุบัน เหตุราคาน้ำมันดีเซลที่เป็นต้นทุนหลักลดลงมาก

นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารเรือใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ประกอบด้วย อัตราค่าแรง ราคาน้ำมัน ต้นทุนค่าอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุง ค่าบริหารจัดการ และดัชนีผู้บริโภค ซึ่งโครงสร้างเดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2554 โดยคาดว่าจะสรุปโครงสร้างค่าโดยสารเรือใหม่ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยปัจจุบันเรือด่วนเจ้าพระยาและเรือแสนแสบได้ลดค่าโดยสารลงมาตามราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลง จากกรอบราคาน้ำมันที่ 29-33 บาทต่อลิตร มาใช้อัตราค่าโดยสารที่กรอบราคาน้ำมันที่ 25-29 บาทต่อลิตร

“ต้นทุนที่นำมากำหนดค่าโดยสารมาจากหลายส่วน ทั้งราคาน้ำมันดีเซลซึ่งปัจจุบันลดลง ส่วนค่าแรงเพิ่มจาก 220 บาทเป็น 300 บาท ดัชนีผู้บริโภค ค่าอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุง และค่าบริหารจัดการ ซึ่งตารางโครงสร้างเดิมปี 54 มีความแตกต่างจากปี 58 จึงได้หารือกับผู้ประกอบการให้แจกแจงรายละเอียดต้นทุนแต่ละด้านในปัจจุบันมาเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาค่าโดยสารเรือประจำทางพิจารณา ซึ่งโดยเฉลี่ยน้ำมันคิดเป็นต้นทุนประมาณ 40% ซึ่งอาจจะไม่กระทบต่อค่าโดยสารในปัจจุบันมากนักเนื่องจากราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลักลดลงมาก” นายจุฬากล่าว

ในขณะที่โครงการปรับปรุงท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะมีการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกนั้น อยู่ระหว่างการเสนอกรมธนารักษ์พิจารณา เนื่องจากเป็นเจ้าของพื้นที่ ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปจากกรมธนารักษ์แล้ว คาดว่าภายใน 3 เดือนจะเปิดให้บริการนำร่องที่ท่าเรือสาทรได้ จากนั้นอีก 6 เดือนจะปรับปรุงท่าเรือสาทร และท่าเรือนนทบุรีเสร็จ โดยในปี 58 จะสามารถปรับปรุงได้รวม 8 ท่า ซึ่งจะเป็นการยกระดับการให้บริการเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาและเป็นอีกทางเลือกในการเดินทางของประชาชน

โดยกรมเจ้าท่ามีแผนงานซ่อมแซมและปรับปรุงโป๊ะในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 17 แห่ง วงเงิน 70 ล้านบาท ซึ่งในปี 2558 จะดำเนินการจำนวน 8 แห่ง วงเงิน 14 ล้านบาท ประกอบด้วย ท่าเรือสมุทรปราการหน้าสำนักงานเจ้าท่าสมุทรปราการ และบริเวณหน้าตลาดสดวิบูลย์ศรี ท่าเรือสุขสวัสดิ์ 53 ท่าเรือวัดบางกระสอบ ท่าเรือถนนตก ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือสะพานพระราม 8 ฝั่งพระนคร และท่าเรือพิบูลย์สงคราม 1

นอกจากนี้ ยังมีงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญจะดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่จังหวัดกระบี่เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำอีกด้วย โดยได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2558 รวมประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยงานส่วนใหญ่วงเงินประมาณ 2,200 ล้านบาทจะอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565