ASTVผู้จัดการรายวัน - จับตาทีวีดิจิตอลปีหน้าส่อแววถอดใจเกิดการควบรวมบริษัทขึ้นแน่ ลุ้น 5 ช่องชิงเม็ดเงิน 1 หมื่นล้านบาท ล่าสุด “โมโน” ทุ่ม 800 ล้านบาทสู้ศึก หวังติดท็อป 5 ทีวีรวม พร้อมโกยรายได้ทีวีแตะ 1 พันล้านบาท ส่งรายได้รวมทะลุ 3 พันล้านบาท
นายซัง โด ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่เอเยนซีมีการแยกกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มฟรีทีวีเดิมคือ ช่อง 3, 5, 7, 9 กลุ่มช่องใหม่ที่มีเรตติ้งคือ เวิร์คพ้อยท์ทีวี, ช่อง 8 และช่องโมโน กลุ่มช่องที่เริ่มจะเห็นโอกาสในการมีเรตติ้ง และกลุ่มช่องที่ยังไม่มีเรตติ้งเลย
ทั้งนี้ มองว่าในปี 2558 จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือ กลุ่มที่ 1 จะเหลือแค่ 2 ช่อง คือ ช่อง 3 และช่อง 7 ส่วนกลุ่มที่ 2 จะเพิ่มเป็น 5 ช่อง คือ เวิร์คพ้อยท์ทีวี, โมโน, ช่อง 8 และอีก 2 ช่องมาจากกลุ่มที่ 3 ที่ขยับขึ้นมาคือ ช่องวัน และช่อง 9 ที่หล่นมาจากกลุ่มที่ 1 ส่วนกลุ่มที่ 4 นั้นมั่นใจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สุด โดยอาจจะมีการควบรวมช่องเกิดขึ้น หรือควบรวมกิจการเปลี่ยนเจ้าของ เนื่องจากเป็นช่องที่ไม่มีเรตติ้งและสายป่านไม่ยาวจนไม่สามารถอยู่ได้
“ปีหน้าทุกช่องจะเหนื่อยไม่แตกต่างกัน แต่กลุ่มช่องที่จะมีการเปลี่ยนแปลงชัดสุดจะเห็นการควบรวมเกิดขึ้นคือกลุ่มที่ยังไม่มีเรตติ้ง ส่วนกลุ่มที่ 2 ซึ่่งน่าจะมี 5 ช่องเป็นกลุ่มที่จะได้รับความสนใจจากเอเยนซีมากสุดในการชิงเม็ดเงินโฆษณาทีวีดิจิตอลมูลค่า 1 หมื่นล้านบาทในปี 2558 ส่วนช่องโมโนจากเดิมที่เป็นช่องนอกสายตา แต่สามารถมีเรตติ้งขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ในกลุ่มทีวีดิจิตอล รองจากช่องเวิร์คพ้อยท์ และช่อง 8 หรืออยู่ในอันดับ 7 ในกลุ่มทีวีรวม ปีหน้าจะขอขยับขึ้นเป็นท็อป 5 ในกลุ่มทีวีรวม พร้อมทำรายได้ 1 พันล้านบาท”
ในปี 2558 บริษัทฯ พร้อมใช้งบลงทุนอีกกว่า 800 ล้านบาท แบ่งเป็น 500 ล้านบาทสำหรับซื้อคอนเทนต์ภาพยนตร์และซีรีส์ และอีก 300 ล้านบาทในส่วนของโปรดักชันและเพิ่มสตูดิโอใหม่ โดยจะมีการปรับผังรายการเล็กน้อยด้วยการเพิ่มเวลาช่วงภาพยนตร์และซีรีส์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น พร้อมปรับราคาโฆษณาจากเดิม 5 พันบาทต่อนาที เป็น 2.5 หมื่นบาทต่อนาที หรือจะมีรายได้สูงถึง 1 พันล้านบาทจากเดิมที่มีรายได้ 150 ล้านบาทในปี 2557
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจทีวีจะเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้มากสุดในปีหน้า รองลงมาคือ อินเทอร์เน็ต จาก 150 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มเป็น 250 ล้านบาทในปี 2558 และโมบายล์จาก 1.3 พันล้านบาท เพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท หรือภายในปี 2558 บริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 100% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท มาจากโมบายล์ 43% ทีวี 32% อินเทอร์เน็ต 8% สิ่งพิมพ์ 5% ภาพยนตร์ 4% เพลง 3% และอื่นๆ 5%
นายซัง โด ลี กล่าวต่อว่า ในปี 2558 บริษัทฯ ยังพร้อมเข้าสู่ตลาด SET จากเดิมอยู่ใน MAI โดยตั้งเป้าเป็นท็อป 5 ของกลุ่มมีเดียเอนเตอร์เทนเมนต์ในฐานะผู้ผลิตคอนเทนต์ใหญ่ที่สุด โดยในปี 2558 จะมีการลงทุนในแต่ละกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น โมบายล์จะมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ๆ ด้วยการจับมือกับต่างประเทศ เช่น พม่า และเวียดนาม 2. อินเทอร์เน็ต เพิ่มคอนเทนต์สร้างรายได้มากขึ้นเพื่อบริหารเว็บไซต์ให้ดีขึ้น 3. สิ่งพิมพ์ เข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิตอลมากขึ้น เช่น อีแมกกาซีน จากปัจจุบันมีนิตยสารในเครือ 11 หัว เป็นต้น 4. มิวสิก รุกต่างประเทศ เช่น เปิดค่ายเพลงในเกาหลี และ 5. ภาพยนตร์ ซื้อภาพยนตร์มาฉายในโรง 50 เรื่อง ผลิตเอง 4 เรื่อง เป็นต้น ขณะที่ธุรกิจทีวีจะเป็นธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ภายใน 2 ปี