“เอสซีจี เปเปอร์” ศึกษาความเป็นไปได้เพื่อตั้งโรงงานบรรจุภัณฑ์ในพม่า รองรับความต้องการใช้ของภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันก็มองโอกาสซื้อกิจการโรงงานบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนเพิ่มเติม ลั่นปีหน้าวางยุทธศาสตร์เชิงรุกรับเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว มั่นใจปีหน้ารายได้โตขึ้นแน่
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ ในเครือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า ขณะนี้เอสซีจี เปเปอร์อยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศพม่า เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น โดยยอมรับว่าโอกาสที่จะเข้าไปซื้อกิจการโรงงานบรรจุภัณฑ์ในพม่าเหมือนประเทศอื่นๆ ในอาเซียนคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากพม่าเพิ่งเปิดประเทศไม่นาน ทำให้การลงทุนจะอยู่ในรูปแบบการตั้งโรงงานใหม่ (Green Field)
ดังนั้น การลงทุนอาจจะเข้าไปลงทุนพร้อมกับโรงงานอุตสาหกรรมที่จะตั้งอยู่ในพม่า หรือตั้งโรงงานใหม่ เพื่อรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศพม่าที่มีอยู่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกสินค้าของพม่าไปต่างประเทศยังน้อยอยู่
นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสการลงทุนบรรจุภัณฑ์เพิ่มเติมในประเทศอื่นในอาเซียนด้วย โดยจะเน้นซื้อกิจการโรงงานบรรจุภัณฑ์มากกว่าการตั้งโรงงานใหม่ เพราะเข้าถึงฐานลูกค้าได้ดีกว่า จากปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ในหลายประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยยอมรับว่าขณะนี้อินโดนีเซียมีการขยายธุรกิจกระดาษในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทำให้การแข่งขันมีความรุนแรงขึ้น บริษัทฯ ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้
นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มตลาดบรรจุภัณฑ์ในปีหน้ายังไปได้ดีโดยเฉพาะประเทศในแถบภูมิภาคนี้ที่เศรษฐกิจยังเติบโตดี ส่วนเศรษฐกิจในไทยคาดว่าจะฟื้นตัวดีกว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในปีหน้าจะสดใสกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่โตชะลอตัวลง และจับตาดูการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในไทยจะกลับมาหรือไม่ เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าเอสซีจี เปเปอร์วางกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น หลังจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น และรัฐมีความชัดเจนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ทำให้ภาคอุตสาหกรรมวางแผนงานได้ชัดเจน ขณะที่หนี้ในครัวเรือนยังไม่น่ากังวลมากนัก ดังนั้น ในปีหน้าบริษัทฯ จะเน้นการลงทุนบรรจุภัณฑ์ที่มาจากกระดาษและพลาสติกต่อเนื่องจากปีนี้เพื่อสนองความต้องการของตลาด อีกส่วนจะเป็นการลงทุนใหม่เพิ่มเติม
โดยปีหน้ารายได้เอสซีจี เปเปอร์จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีนี้ เนื่องจากมีโรงงานใหม่แล้วเสร็จในกลางปีหน้า ทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้น จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จากธุรกิจกระดาษจะโตขึ้น 10% จากปีก่อน