“พีทีจี” ตั้งเป้ารายได้โตกว่า 20% ใน 4 ปีข้างหน้า หลังคงนโยบายเพิ่มจำนวนปั๊มเฉลี่ย 200 ปั๊ม/ปี และจำนวนรถบรรทุกน้ำมันเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง แย้มรอลุ้นผลหลังยื่นราคาเสนอซื้อหุ้นบางจากให้ ปตท.แล้ว ลั่นปลายปีนี้มีความชัดเจนโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์มูลค่า 4 พันล้านบาท
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายใน 4 ปีข้างหน้า (2558-2561) จะมีรายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% ขณะที่กำไรสุทธิจะเติบโตเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายสถานีบริการน้ำมันที่ดำเนินการเอง (COCO) มากกว่าปีละ 200 ปั๊ม และปั๊มน้ำมันที่เป็นของตัวแทนจำหน่ายน้ำมันของบริษัท (DODO) กว่า 30 ปั๊ม/ปี รวมทั้งมีการขยายรถบรรทุกน้ำมันเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 50 คัน และเพิ่มสมาชิกผู้ถือหุ้นบัตรพีที แมกซ์ การ์ด ทำให้ยอดขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับไตรมาส 4/2557 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีรายได้และกำไรเติบโตเพิ่มสูงขึ้นมากจากไตรมาส 3/2557 ที่มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 312.8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้เติบโต 20% แม้ว่าช่วง 9 เดือนแรกปีนี้จะพลาดเป้าก็ตาม แต่ไตรมาสนี้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวทำให้มีการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น
“ในปีหน้าจะใช้เงินลงทุนขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มประมาณ 600-700 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนรถบรรทุกอีก 250-300 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 1 พันล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ 0.89 เท่า ทำให้สามารถกู้เงินได้อีกมาก”
ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลนั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ แต่ได้รับผลดีเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ใช้เงินในการซื้อน้ำมันลดลง ทำให้ต้นทุนลดลง ค่าการตลาดปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 1.50 บาท/ลิตร ซึ่งค่าการตลาดบริษัทฯ จะสูงกว่าค่าการตลาดทั่วไป 10-20 สตางค์/ลิตร เนื่องจากมีกองรถบรรทุกขนส่งน้ำมันเองทำให้ต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง
จากการที่ราคาน้ำมันปรับลดราคาลงทำให้ผู้ใช้รถที่เคยใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงหันมาใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดการขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งบริษัทมีการบริหารสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 6 วัน ต่ำกว่าคู่แข่งมีการสต๊อกน้ำมันเฉลี่ย 10 วัน
ส่วนความคืบหน้าการร่วมลงทุนทำโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์นั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรร่วมทุนเพื่อทำโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ซึ่งจะมีทั้งโรงหีบปาล์ม โรงงานผลิตน้ำมันพืช และโรงงานผลิตบี 100 ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้ ส่วนการรุกธุรกิจปั๊มแอลพีจีนั้นก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งรอดูนโยบายปฏิรูปพลังงานของภาครัฐด้วย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายพิทักษ์กล่าวถึงความคืบหน้าการซื้อหุ้นบางจากปิโตรเลียม (BCP) จาก บมจ.ปตท.ที่ถือหุ้นอยู่ 27% ว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นเสนอซื้อหุ้นบางจากจาก ปตท.ที่ถืออยู่ทั้งจำนวน 27% ไปแล้ว นับจากนี้คงต้องรอฟังผลว่าจะได้รับคัดเลือกหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ทาง คสช.ต้องการให้การซื้อขายหุ้นบางจากแล้วเสร็จในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2558
