xs
xsm
sm
md
lg

“ไทย วัน มอลล์” ชิงเปิดตลาดจีน ตั้งเป้าค้าปลีกออนไลน์ 300 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“จีจี้ (หลุ่ย) แซ่กั๊ว” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย วัน มอลล์ จำกัด
ASTVผู้จัดการรายวัน - เปิดตัวเว็บไซต์ www.thaionemall.com แพลตฟอร์มของ “อาลีบาบากรุ๊ป” รุก e-Commerce ตอบโจทย์ธุรกิจไทยรุกตลาด 312 เมืองหลักในจีน ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 50 ล้านบาทก่อนโตพรวดเป็น 300 ล้านบาทในปีถัดไป พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2560 ก่อนขึ้นแท่นเป็นเว็บไซต์ B2C ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนภายใน 5 ปี

นางสาวจีจี้ (หลุ่ย) แซ่กั๊ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย วัน มอลล์ จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ หรือ e-Commerce ในประเทศจีนมีอัตราการเติบโตที่สูงสุดในโลก โดยคาดว่าในปี 2557 จะมีมูลค่าประมาณ 1.9 พันล้านหยวน (13 ล้านล้านบาท) และเพิ่มเป็น 2.7 พันล้านหยวน (17 ล้านล้านบาท) ในปี 2558 ในขณะที่ฝ่ายการค้า ทูตพาณิชย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน คาดว่า ในปี 2557 ประเทศไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีน ด้วยมูลค่าการค้าประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท

บริษัทฯ จึงเปิดตัวเว็บไซต์ www.thaionemall.com อย่างเป็นทางการเมื่อประมาณเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อรองรับนักธุรกิจและผู้ประกอบการไทยที่ต้องการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ไปยังประเทศจีน โดยอยู่ภายใต้แพลตฟอร์มของ “อาลีบาบากรุ๊ป” ของประเทศจีน ซึ่งถือเป็นธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดในโลกทั้ง 3 รูปแบบ คือ C2C (Customer to Customer), B2C (Business to Customer) และ B2B (Business to Business)

เว็บไซต์ www.thaionemall.com เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม B2C คือ ผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายสินค้าไปยังผู้บริโภคโดยตรง โดยในขณะนี้มีผู้ใช้งาน (User) สัญชาติจีนสูงถึง 600 ล้านคนจากประชากรจีนทั้งหมด 1.4 พันล้านคน โดยอยู่ใน Tmall ที่เป็นแพลตฟอร์มของ “อาลีบาบา กรุ๊ป” และมีความน่าเชื่อถือ 100% จากการที่รัฐบาลจีนได้ให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีจุดแข็งในเรื่องของการชำระเงิน โดยลูกค้าสามารถชำระผ่าน Alipay.com โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน และถือเป็น Third Party Payment ที่ใหญ่และมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก

“ในส่วนของการจัดส่งสินค้า บริษัทฯ ใช้ช่องทางขนส่งทางบกจากประเทศไทยไปยังจีนตอนใต้ โดยลูกค้าจะได้รับสินค้าที่สั่งภายใน 10 วัน นอกจากนี้ยังมีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านช่องทาง Free Trade Zone เพื่อกระจายสินค้าไปยัง 312 เมืองในประเทศจีน โดยเมืองที่มีลูกค้ามากที่สุดคือ กวางตุ้ง ประมาณ 13.9% รองลงมาคือ เซี่ยงไฮ้ 10.7% ขณะที่ลูกค้ามียอดซื้อแต่ละครั้งประมาณ 500 บาทต่อคนต่อบิล โดยมีการสั่งซื้อสินค้าอย่างน้อย 5 รายการประมาณ 68% ของลูกค้าทั้งหมด”

สำหรับการคัดเลือกสินค้าในการจำหน่ายผ่าน www.thaionemall.com จะเน้นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ไทย รวมถึงสินค้าแบรนด์ดังและขายดีในประเทศไทยซึ่งขณะนี้มีกว่า 100 รายการจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือ 30% เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า”, สาหร่ายทะเล “เถ้าแก่น้อย”, เครื่องสำอาง “มิสทีน”, ยาดม “โป๊ยเซียน” และอื่นๆ เป็นต้น โดยสินค้าที่จำหน่ายดีที่สุดคือ อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ ชุดชั้นในสุภาพสตรี และอื่นๆ

บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปีแรก (เม.ย. 57-เม.ย. 58) ประมาณ 50 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านบาทในปีถัดไป หรือมีอัตราเติบโตอย่างน้อย 200% โดยเบื้องต้นใช้งบประมาณการตลาด 10 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดแคมเปญต่างๆ ร่วมกับ “อาลีบาบา กรุ๊ป” เป็นประจำทุกเดือน ประมาณ 60-70% ส่วนที่เหลือเป็นการใช้พัฒนาเครื่องมือสื่อสารกับผู้ใช้บนแพลตฟอร์มต่างๆ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานที่เข้าเยี่ยมชมสินค้าบนเว็บไซต์ประมาณ 6-8 พันคนต่อวัน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะมีผู้ใช้งานประมาณ 1.5-2 หมื่นคนในอนาคตอันใกล้

“นอกเหนือจากการทำธุรกิจแบบ B2C แล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนขยายธุรกิจเพิ่มในรูปแบบ G2G หรือ Government to Government คือ การร่วมมือกันของรัฐบาลในแต่ละประเทศและจัดส่งสินค้าในปริมาณมาก เพื่อเป็นช่องทางในการช่วยเหลือชาวเกษตรกรที่มีความต้องการจำหน่ายสินค้าในประเทศจีน พร้อมยังวางแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2560 และเป็นเว็บไซต์ B2C ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนภายใน 5 ปีนับจากนี้” นางสาวจีจี้กล่าวในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น