“เมกาบางนา” ลุยต่อเฟสที่สองอีก 150 ไร่ คาดลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ครบเครื่องทั้งโรงแรม ออฟฟิศบิลดิ้ง เรสซิเดนเชียล ศูนย์ประชุม การจัดงาน รับการแข่งขันย่านบางนา และรับเปิดเออีซี คาดอีก 5 ปีเสร็จสมบูรณ์ส่วนเฟสที่สองนี้
นางสาวสโรชา ลายสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา บริษัท เอสเอฟ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมขยายพื้นที่เฟส 2 อีกประมาณ 150 ไร่พื้นที่ติดกันกับเมกาบางนาเดิม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้โครงการมากกว่าเดิมที่ลงทุนไปช่วงแรก 15,000 ล้านบาทด้วยการเพิ่มร้านค้าและบริการที่เป็นแม่เหล็กขนาดใหญมากขึ้น จากที่เปิดบริการเมกาบางนาส่วนแรกพื้นที่ 254 ไร่มาแล้วเกือบ 3 ปีประสบความสำเร็จอย่างดี มีพันธมิตรใหญ่หลักคือ อิเกีย โฮมโปร บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า โรบินสัน เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ส่วนโครงการต่อขยายจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปีจากนี้ แบ่งเป็น 4 เฟส เฟสแรกจะเริ่มได้ปีหน้า
“เฟสต่อขยายจะเป็นคล้ายศูนย์กลางสำหรับย่านบางนาหรือกรุงเทพฝั่งตะวันออก ซึ่งที่มองไว้จะมีการเพิ่มทั้งในส่วนของเรสซิเดนเชียล โรงแรมระดับ 3 ดาว ออฟฟิศ ที่จอดรถ สวนสนุก และศูนย์ประชุมหรือพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่และอื่นๆ ซึ่งรูปแบบจะมีทั้งแบบร่วมทุนกับการให้เช่าพื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่หลากหลายและหลายรายที่สนใจ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าโครงการและรายชื่อพันธมิตรได้ แต่คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าโครงการแรกหรือระดับหมื่นล้านบาท”
นายณัฐพร รุ่งขจรกลิ่น รองประธานผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวเสริมว่า การขยายธุรกิจของเมกาบางนาครั้งนี้ เพราะว่าพื้นที่ย่านตะวันออกของกรุงเทพฯ นี้มีความเจริญมากขึ้น รวมทั้งปรับตัวรองรับการเปิดเออีซีในปีหน้าด้วย เราต้องปรับเพื่อรองรับความเปลี่ยนไปและรับกำลังซื้อที่สูงขึ้น ต้องปรับศูนย์ฯ ของเราเองให้แข็งแรงกว่าเดิม อาจจะไม่ใช่เพราะคู่แข่งมาเปิดโครงการอย่างเดอะมอลล์ที่จะเปิดแบงค็อกมอลล์ ทั้งเราและรายเก่าในย่านนี้อย่างพาราไดซ์ปาร์ค ซีคอนสแควร์ เซ็นทรัลบางนา ก็ต้องปรับตัวเองอยู่แล้ว โดยเราจะให้เมกาบางนาเป็นเหมือนศูนย์กลางธุรกิจในย่านบางนานี้
ทั้งนี้ ในปีหน้าแผนงานที่ชัดเจนแล้วคือ การลงทุน 100 ล้านบาทเพื่อทำการเพิ่มที่จอดรถอีก 1,000 คัน จากเดิมจอดได้ 9,000 คัน และการขยายพื้นที่โซนเอดูเคชันอีกในอาคารเดิมจาก 800 ตารางเมตร เป็น 1,500 ตารางเมตร นอกจากนั้นในส่วนของเฟสเดิมก็จะสร้างความแข็งแกร่งและมุ่งเน้นให้ตลาดรับรู้ถึงความเป็นศูนย์แฟชั่นและร้านอาหารด้วย เพราะที่ผ่านมาเรายังไม่ได้มุ่งเน้นตรงนี้มากนัก โดยลูกค้าสัดส่วนมากที่สุดขณะนี้คือ กลุ่มครอบครัว 55% และกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 59% และเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยัมไม่มีลูก 35% โดยจากเดิมมีร้านค้าแฟชั่นประมาณ 200 ร้านค้าก็จะเพิ่มในส่วนนี้อีกประมาณกลางปีหน้าจะมีร้านใหม่ทยอยเข้ามาเปิดบริการ ส่วนร้านอาหารมีมากกว่า 100 ร้านค้าทั้งในและนอกอาคาร
สำหรับช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากเปิดบริการเมกาบางนาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2555 พบว่ามีผู้เข้าใช้บริการ 3 ล้านคนต่อเดือน เติบโต 8% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.5 ล้านคนต่อเดือน หรือประมาณ 40 ล้านคนในปีนี้ มีผู้เช่าร้านค้าครบ 100% รวม 450 รายและร้านค้าแบบเปิดอีก 335 ราย พื้นที่อาคารรวม 400,000 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่า 185,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่แฟชั่น 34% พื้นที่ร้านอาหาร 24% พื้นที่บริการด้านการเงิน สินค้าเด็ก สุขภาพความงาม กีฬา ของตกแต่งบ้าน และไอที 43% ขณะที่หากแยกสัดส่วน พื้นที่สำหรับผู้เช่าหลัก 94,000 ตารางเมตร พื้นที่สำหรับผู้เช่ารอง 35,000 ตารางเมตร และพื้นที่สำหรับผู้เช่ารายย่อย 56,000 ตารางเมตร โดยมีการใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งศูนย์ฯ ใช้งบการตลาดต่อปีประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อสร้างความคึกคักและดึงคนเข้าศูนย์ฯ เน้นการสื่อสารและทำกิจกรรมกับผู้เช่า โดยเฉพาะกลุ่มแฟชั่นและร้านอาหารมากขึ้น
สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโต 30% มาจากการปรับค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 5-10% ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าห้องมีสัญญาครบ 3 ปีใกล้จะครบสัญญาปีนี้แล้ว ซึ่งมีต่ำกว่า 5% ที่ไม่ได้ต่อสัญญา ค่าเช่าเฉลี่ย 1,200 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน