เทศกาลสุดหลอนยอดนิยมจากชาวยุโรปและอเมริกันที่หลายๆคนเรียกติดปากกันว่า “วันปล่อยผี” หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “วันฮาโลวีน” นั้น กลายเป็นเทศกาลที่หลายๆ คนสนุกสนานกับการแต่งตัวแฟนซีเป็นภูตผีปีศาจ และเดินเคาะประตูขอขนมตามบ้านคน แต่แท้จริงแล้วหลายๆ คนทราบหรือไม่ว่าการแต่งกายเหล่านั้นหรือการเดินขอขนมตามบ้านคนนั้น จริงๆ แล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร ชาวยุโรปมีความเชื่อหรือเหตุผลอะไรทำไมจึงต้องทำเช่นนั้น? บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านขนมและของว่างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขอพาย้อนตำนานวันฮาโลวีน ซึ่งมีมายาวนานกว่า 1,000 ปี ควบคู่ไปกับตำนานความอร่อยของแบรนด์ขนมและของว่างที่ทั่วโลกโปรดปรานของมอนเดลีซที่มีมากว่า 100 ปีเช่นกัน
วันฮาโลวีนถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ก่อน 500 ปีคริสต์ศักราช และตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของฤดูร้อน และถือเป็นช่วงสุดท้ายของการเก็บเกี่ยวพืชผลก่อนเริ่มย่างเข้าสู่หน้าหนาว สำหรับพื้นที่ที่ถือเป็นจุดกำเนิดของวันฮาโลวีนได้แก่ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์
ทั้งนี้ผู้คนมีความเชื่อว่าวันฮาโลวีนเป็นวันที่มิติของคนตายและคนเป็นเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ซึ่งวิญญาณของคนตายจะมาหาร่างคนเป็นเพื่อสิงสู่ในวันนี้ ผู้คนจึงต้องแต่งตัวเป็นผี เพื่อหลอกผีไม่ให้มาสิงร่างนั่นเอง โดยสีประจำฮาโลวีน คือ สีส้มและดำ เนื่องจากสีส้มเป็นสีสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง ส่วนสีดำเป็นสีแห่งความตาย
โดยวันฮาโลวีนถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสุดสนุกที่เด็กๆ เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความสนุกสนานที่จะได้แกะสลักโคมไฟเป็นรูปฟักทอง แต่งตัวเป็นภูตผีปีศาจ ประดับตกแต่งบ้านเป็นสีส้ม-ดำ รวมถึงหัวกะโหลก แมงมุม ไม้กวาด และกิจกรรมที่เด็กๆ ทุกคนต่างรอคอยก็คือ การแลกเปลี่ยนและรอรับขนม ลูกอม บิสกิต หมากฝรั่ง แสนอร่อยทั้งหลายจากผู้ใหญ่นั่นเอง
สำหรับกิจกรรมที่เด็กน้อยนิยมเล่นในวันฮาโลวีนก็คือ “ทริก ออร์ ทรีต” (Trick or Treat) หรือเรียกง่ายๆ คือ “หลอกหรือเลี้ยง” ซึ่งเริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่าวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวัน "All Souls" แต่ละบ้านจะเตรียมขนมสำหรับวิญญาณ (Soul Cake) ซึ่งทำมาจากขนมปังทรงสี่เหลี่ยมและใส่ลูกเกด ไว้รอต้อนรับผู้คนที่ยากไร้และเด็กๆ ที่มาเดินร้องขอตามแต่ละหมู่บ้าน ด้วยความเชื่อที่ว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็จะได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากขึ้น แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนก็ได้ปรับเปลี่ยนขนมสำหรับวิญญาณ กลายเป็นขนมคอร์น แคนดี้ (Corn Candy) ที่เป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองส้มในเม็ดเดียวกัน จนปัจจุบันนี้กลายมาเป็นขนมของว่างจำพวกช็อคโกแลต บิสกิต ลูกอม และหมากฝรั่ง
เมื่อวันฮาโลวีนมาถึง บรรดาเด็กน้อยจะแต่งตัวแฟนซีเป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา พร้อมกับถามว่า "ทริก ออร์ ทรีต?" หากเจ้าของบ้านตอบว่า “ทรีต” (Treat) ก็เท่ากับว่า ยอมแพ้ และต้องมอบขนมหวานให้ภูตผีเด็กๆเหล่านั้น ราวกับว่ากลัวเด็กๆ เหลือเกิน แต่หากเจ้าของบ้านเลือกตอบว่า “ทริก” (Trick) ก็เท่ากับว่าท้าทายให้ภูตผีเด็กจอมป่วนอาละวาด ซึ่งเด็กก็อาจจะก่อกวน หรือทำลายข้าวของเล็กๆ น้อยๆ พอสนุก สุดท้ายเจ้าบ้านก็อาจจบลงด้วยการยอมแพ้ และทรีตขนมให้กับเด็กๆ ไปในที่สุด
ทั้งนี้ขนมหวานที่เด็กๆ มักร้องขอในวันฮาโลวีน ส่วนใหญ่มักเป็นลูกอม คุกกี้ และช็อคโกแลตนั่นเอง
มอนเดลีซในฐานะบริษัทชั้นนำด้านขนมและของว่างระดับโลก ที่มุ่งสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยตำนานความอร่อยผ่านแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ก็มีขนมสุดอร่อยที่มีตำนานและอายุอานามยาวนานกว่า 100 ปี ควบคู่มากับวันฮาโลวีน อาทิ ลูกอมฮอลล์ (เปิดตัว พ.ศ. 2436 ปัจจุบันอายุ 121 ปี) หมากฝรั่งเดนทีน (เปิดตัว พ.ศ. 2442 ปัจจุบันอายุ 115 ปี) และคุกกี้โอรีโอ (เปิดตัว พ.ศ. 2455 ปัจจุบันอายุ 102 ปี) นอกจากนี้ มอนเดลีซยังมีขนมยอดนิยมที่เด็กๆ ทั่วโลกต่างโปรดปรานอีกมายมาย เช่น คุกกี้ชิพส์อะฮอย แคร็กเกอร์ริทส์ หมากฝรั่งไทรเด้นท์ ลูกอมคลอเร็ท และช็อคโกแลตทอปเบอโรน
หากเทศกาลฮาโลวีนนี้ เจ้าบ้านทั้งหลายไม่อยากโดนภูตผีตัวน้อยๆ ทั้งหลายอาละวาด ก็อย่าลืมเตรียมขนม ลูกอม และบิสกิตอร่อยๆ ไว้รอต้อนรับเด็กน้อยให้ดี
(ข่าวประชาสัมพันธ์)