“บาจา” เผยบริษัทแม่ยกไทยเป็นฮับเออีซี เล็งสร้างฐานผลิตในไทยแห่งที่ 2 ปีหน้า คาดลงทุน 200 ล้านบาท เพิ่มผลิตรองเท้าอีก 3 เท่ารับตลาดไทยโตและเออีซี
นายอนวัช สังขะทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทฯ มีแผนจะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่แห่งที่ 2 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและการหาสถานที่ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150-200 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองเท้าอีก 3 เท่าตัว หรือเพิ่มเป็น 6-9 แสนคู่ต่อปีจากเดิมกำลังผลิตของทั้งโรงงานเดิมที่มี 3 แห่งผลิตได้ 2-3 แสนคู่ต่อปี เพื่อรองรับตลาดในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มเออีซีได้อย่างน้อย 5-10 ปี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เพื่อทดแทนโรงงานเดิมที่เกิดเหตุไฟไหม้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากทั้งหมดที่มี 3 โรงงาน แต่อีก 2 โรงยังผลิตได้ปกติ คาดว่าแล้วเสร็จเดือนมกราคม 2558 ใช้งบลงทุน 90 ล้านบาท
การลงทุนดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่บริษัทแม่ของ “บาจา” ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์จากเดิมมีกำเนิดมาจากประเทศเช็ก มอบความไว้ใจให้ “บาจา ประเทศไทย” เป็นศูนย์กลางทำตลาดและการขยายธุรกิจในประเทศต่างๆ ในเออีซีเมื่อปีที่ผ่านมา ทั้งในประเทศพม่า และเวียดนาม โดยขณะนี้กำลังเตรียมขยายเข้าสู่ประเทศลาว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาหาตัวแทนจำหน่ายตามกลยุทธ์ของ “บาจา” ที่จะตั้งตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ
“บาจา ประเทศไทย” ดำเนินกิจการในไทยมานาน 85 ปีและมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทแม่มีอายุ 120 ปีแล้ว โดย “บาจา ประเทศไทย” จำหน่ายรองเท้าในชอปของ “บาจา” ทั้งหมด 5 กลุ่ม รวม 7 แบรนด์ คือ รองเท้าสตรี สัดส่วน 38% ของยอดขาย รองเท้าชาย 23% รองเท้าเด็ก 6% รองเท้ากีฬา 6% และรองเท้าอื่นๆ รวมถึงสินค้าที่ไม่ใช่รองเท้า เช่น เครื่องประดับ 27% โดยมี “บาจา” เป็นแบรนด์แม่มีสัดส่วน 80% ของยอดขาย ส่วนแบรนด์รองลงมาคือ “บับเบิ้ลกัมเมอร์ส” 8% “บีเฟิร์สท” 8% “แบรนด์พาวเวอร์” 6% “นอร์ธสตาร์” 3% “ไวน์เบรนเนอร์” 3% “แมรี่แคร์” 2% และ “ซันดรอป” 1% โดยในปี 2558 จะเพิ่มสินค้ากลุ่มรองเท้าเด็กอายุ 12-18 ปี และรองเท้าพรีเมียมเข้ามาทำตลาดด้วย
นายอนวัชกล่าวว่า ปีนี้ใช้งบตลาด 40 ล้านบาทและงบลงทุน 87 ล้านบาท ปรับปรุง 33 สาขาและเปิดสาขาใหม่ 26 สาขาจากเป้าที่ตั้งไว้ 20 สาขา ถึงสิ้นปีนี้จะมี 285 สาขา ส่วนแผนปี 2558 จะเปิดร้านใหม่รวม 22 สาขา ลงทุน 50 ล้านบาท และปรับปรุงร้านอีก 28 สาขา ลงทุน 62 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจะมีสาขารวม 400 สาขาภายในปี 2560 ส่วนยอดขายปีนี้คาดจะเติบโตเพียง 4% เพราะผลกระทบครึ่งปีแรกจากการมือง แต่ไตรมาสสามเติบโต 8% ส่วนไตรมาสสี่คาดโต 8% โดยตั้งเป้าเติบโต 10% ในปี 2558
