ASTVผู้จัดการรายวัน - “เชนไดร้ท์” คาดปี 57 ทำยอดขายเข้าเป้า 1.2 พันล้านบาทจากผลิตภัณฑ์ 122 เครื่องหมายการค้า รวม 150 ชนิด เผยแผนตลาดปี 58 เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่ม 20 ชนิดบุกตลาดผลิตภัณฑ์กำจัดยุงทุกชนิด พร้อมทำตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมเพิ่มงบฯ ตลาด 10-15% จาก 170 ล้านบาท หวังเร่งยอดโตอีก 15% รวมเป็น 1.4 พันล้านบาท
นายประวิทย์ เตชะวิจิตร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เชอร์วู้ด เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีโรงงานผลิต 2 แห่งภายในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา ดำเนินการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงและรักษาเนื้อไม้ ด้วยกำลังการผลิต 6.8 ล้านลิตรต่อปี และผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยและทำความสะอาดและอื่นๆ ด้วยกำลังการผลิต 5 ล้านลิตรต่อปี โดยจำแนกลักษณะการผลิต 3 ลักษณะ คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยา กลุ่มผลิตภัณฑ์สเปรย์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 150 ชนิดภายใต้ 122 เครื่องหมายการค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศด้วยสัดส่วน 95% และส่งออก 5% โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำยาด้วยส่วนแบ่ง 90% ส่วนผลิตภัณฑ์สเปรย์ยังอยู่ในลำดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งประมาณ 22% โดยคาดว่าในปี 2557 จะมีรายได้ประมาณ 1.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10% คิดเป็นรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำยา 500 ล้านบาท สเปรย์ 500 ล้านบาท และอื่นๆ 200 ล้านบาท
ส่วนในปี 2558 ตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15% หรือมียอดขายรวมประมาณ 1.4 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อีกประมาณ 20 ชนิด พร้อมทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่คือ ผลิตภัณฑ์กำจัดยุงครอบคลุมทุกประเภท ทั้งชนิดจุด ชนิดทาผิวหนัง ชนิดไฟฟ้า และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีแผนทำตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน หลังจากเริ่มทำตลาดประเทศออสเตรเลียเพียงแห่งเดียวเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 10% ภายใน 2 ปี
“ในปี 2558 เราจะเริ่มเน้นทำตลาดประเทศพม่า ลาว และกัมพูชาเป็นลำดับแรก โดยขณะนี้เริ่มติดต่อและเจรจากับผู้จัดจำหน่ายท้องถิ่นในแต่ละประเทศเพื่อเป็นผู้กระจายสินค้า หลังจากนั้นจึงจะเริ่มศึกษาตลาดประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียเป็นลำดับต่อไป โดยไม่มีแนวคิดทำตลาดในสิงคโปร์และบรูไนแต่อย่างใดเนื่องจากมีขนาดตลาดที่เล็กและติดขัดเรื่องกฎหมายบางประการ”
นายประวิทย์กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดในประเทศบริษัทฯ มีการกระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายไปยังโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีกทั่วไปประมาณ 80% ส่วนอีก 20% เป็นการจำหน่ายผ่านบริษัทฯ โดยตรงไปยังโรงงานอุตสาหกรรมและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน คิดเป็นสัดส่วนรายได้หลักจากต่างหวัดประมาณ 60-70% ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีรายได้ประมาณ 30-40%
“ช่วงที่ผ่านมากว่า 18 ปีบริษัทฯ เน้นเรื่องการสร้างแบรนด์และการสร้างความรับรู้ให้ผู้บริโภคเป็นหลัก แต่ในปี 2557 เริ่มเน้นทำการตลาดเพื่อทำยอดขายมากขึ้นโดยใช้งบประมาณถึง 170 ล้านบาทในการใช้สื่อ above the line เป็นหลัก โดยคาดว่าในปี 2558 จะใช้งบประมาณการตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%” นายประวิทย์กล่าวในที่สุด
อนึ่ง ล่าสุดบริษัทฯ ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาทในการจัดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี 2557 คือการจัดคอนเสิร์ต “LOVEiS Special DOJO-B5 Super ติ่ง HomeComing Live Concert” ที่รวบรวมศิลปินสังกัด DOJO และ B5 ในยุค 90 โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธ.ค. 57 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี