“ตั้งฮั่วเส็ง” มั่นใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งกำลังซื้อดีดกลับ แนะ “บิ๊กตู่” ปรับนโยบายรถยนต์คันแรกด้วยการผ่อนผันระยะเวลาผ่อนชำระเพื่อช่วยลดภาระผู้บริโภคและกระตุ้นกำลังซื้อคนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดปี 57 ทำรายได้กว่า 2.5 พันล้านบาท โตเพิ่ม 5% กำหนดแผน 3 ปีปรับโฉมใหม่สาขาบางลำพู พร้อมลดสัดส่วนสินค้าสด-อาหารสำเร็จรูปในซูเปอร์มาร์เกต get it
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง ประธานกรรมการ บริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ถือได้ว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเริ่มมีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยสินค้าประเภทต่างๆ มากขึ้น ซึ่งถ้าหากรัฐบาลสามารถทำให้ประชาชนมีความรู้สึกมั่นคงและเชื่อมั่นในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แล้วย่อมจะสามารถทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“รัฐบาลควรมีมาตรการใหม่ๆ ในการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคทุกระดับอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าขณะนี้เริ่มมีมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ชาวนาซึ่งอาจส่ง ผลดีในแง่ของการกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ราคาข้าวที่ตกต่ำอาจทำให้กำลังซื้อยังไม่กลับคืนเท่าที่ควร แนวทางหนึ่งที่น่าจะมีประโยชน์โดยไม่ต้องลงทุนมากนักคือการปรับปรุงนโยบายรถยนต์คันแรกซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างนั้น รัฐบาลอาจออกมาตรการเพื่อช่วยยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระให้ยาวนานขึ้นจาก 4 ปีเป็น 8-10 ปีเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กลุ่มคนชั้นกลางที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว”
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ภาวะตลาดรวมค้าปลีกไทยมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยในส่วนของ “ตั้งฮั่วเส็ง” คาดว่าในปี 2557 จะมีรายได้รวมประมาณ 2.6-2.7 พันล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 5% แบ่งเป็นรายได้หลักจากสาขาธนบุรี 1.7 พันล้านบาท สาขาบางลำพู 700 ล้านบาท และซูเปอร์มาร์เกต “เก็ตอิต” (get it!) 200-300 ล้านบาท
สำหรับลูกค้าของ “ตั้งฮั่วเส็ง” ที่ใช้บริการวันธรรมดา ประมาณ 8 พันคน และมีมากถึง 1 หมื่นคนในวันหยุด โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปประมาณ 70% ส่วนที่เหลือ 30% เป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นนักศึกษาและมีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยยังสามารถจำแนกเป็นกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากถึง 70% และกลุ่มลูกค้าผู้ชาย 30% มีการจับจ่ายประมาณ 600 บาทต่อคนต่อครั้ง นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตร “ตั้งฮั่วเส็ง วี การ์ด” อีกประมาณ 3 แสนรา ยแต่ที่มีการจับจ่ายต่อเนื่องประมาณ 2 แสนราย มีการจับจ่ายต่อคนต่อครั้งประมาณ 800-1,000 บาท
ส่วนแผนการดำเนินงานในระยะ 3 ปีกำลังมีการเจรจากับพันธมิตรในการปรับปรุงสาขาบางลำพู พร้อมยึดแนวทางการขยายสาขาซูเปอร์มาร์เกต get it! ในรัศมีประมาณ 20 กิโลเมตรจากสาขาธนบุรี เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการส่งสินค้า โดยปัจจุบันมีทั้งสิ้น 6 สาขา คาดว่าในปี 2557 จะเพิ่มเป็น 11 สาขา และครบ 30 สาขาภายในปี 2560 โดยใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 2-5 ล้านบาท บนพื้นที่ 100-300 ตารางเมตร
“การขยายสาขาซูเปอร์มาร์เกต get it! จะเน้นพื้นที่ภายในสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล หมู่บ้าน คอนโดมิเนียม และสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมานาน ขณะเดียวกันยังมีการพิจารณาพื้นที่ในคอมมูนิตีมอลล์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นหลายแห่งย่านถนนราชพฤกษ์และกาญจนาภิเษก โดยเราจำเป็นต้องปรับสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปจากเดิมที่มีมากกว่า 30% เป็นประมาณ 20-30% พร้อมเพิ่มสัดส่วนสินค้าทั่วไปเป็น 70-80% เนื่องจากการขยายตัวของอาหารพร้อมรับประทานที่มีให้ผู้บริโภคเลือกซื้อง่าย ขึ้นตามซูเปอร์มาร์เกตและร้านสะดวกซื้อต่างๆ”
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ใช้งบประมาณการตลาดปีละ 10-15 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเน้นจัดงานอีเวนต์ต่างๆ ตลอดทั้งปี โดยขณะนี้มีการใช้งบประมาณไปแล้ว 8 ล้านบาท ล่าสุดกำลังจัดงาน “ร้อยเรียง เคียงศิลป์” ครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 16-26 ต.ค. 57 ณ ห้างสรรพสินค้า “ตั้งฮั่วเส็ง” สาขาธนบุรี จากนั้นในช่วงเดือน พ.ย. 57 จะร่วมกับสำนักงานเขตบางพลัด จัดงาน “ตลาดน้ำบางพลัด” และงานสินค้าโอทอปเป็นลำดับต่อไป