“สยามพิวรรธน์” เปิดเกมรุกค้าปลีกข้ามประเทศ ผนึก 5 พันธมิตรค้าปลีกยักษ์เอเชียและยุโรป เปิดแคมเปญ “โกลบอล พรีวิเลจ พาร์ตเนอร์ชิป” ข้ามชาติ หวังสร้างเครือข่ายการตลาด และดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าศูนย์ฯ เพิ่ม 20% เจาะกลุ่มผู้ถือบัตรสมาชิกเป็นหลักรวมกว่า 2 ล้านราย พร้อมต่อยอดธุรกิจอื่นในเครือพันธมิตร เดินหน้าเจรจาค้าปลีกอื่นเพิ่มอีกเพียบ
นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามพารากอน และพาราไดซ์ปาร์ค เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำ 3 ศูนย์การค้า คือศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ และสยามพารากอน ร่วมมือกับทางศูนย์การค้ารายใหญ่ 5 แห่งจาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าล็อตเต้ เกาหลีใต้, ฮ่องกงไทม์สแควร์ จีน, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สิงคโปร์, ห้างสรรพสินค้าซับโปโร ญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้าแกลเลอรีลาฟาแยต ฝรั่งเศส เพื่อจัดทำแคมเปญ โกลบอล พรีวิเลจ พาร์ตเนอร์ชิป ข้ามชาติเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นแคมเปญระยะยาว
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าอีกหลายแห่งทั้งในประเทศพันธมิตรเดิมและประเทศใหม่เพิ่มอีก เช่น จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย รัสเซีย อเมริกา เป็นต้น ส่วนพันธมิตรเดิมทั้ง 5 รายที่ร่วมครั้งแรกนี้ก็มีการเจรจาเพื่อที่จะขยายไปยังธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ และธุรกิจอื่นอีกในเครือที่จะเข้าร่วมแคมเปญนี้ด้วยในโอกาสต่อไป รวมถึงพันธมิตรที่อยู่ใน 3 ศูนย์ฯ ของบริษัทฯ อยู่แล้ว เช่น พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ หรือโอเชียนเวิลด์ เป็นต้น เพื่อให้ร่วมแคมเปญข้ามชาติครั้งนี้ ธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ค้าปลีกก็มีเจรจา เช่น โรงแรม หรือสันทนาการต่างๆ เป็นต้น
เบื้องต้นนี้ ห้างล็อตเต้มี 43 สาขาทั่วเกาหลี ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 52% แต่ร่วมแคมเปญก่อนแค่ 4 สาขาที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล แต่ก็มีค้าปลีกอื่นอีกมาก, ส่วนฮ่องกงไทม์สแควร์มี 1 สาขาที่ร่วมรายการที่คอสเวย์เบย์, โรบินสัน สิงคโปร์ มี 3 สาขาที่ร่วมรายการ คือ ฮีบีน รัฟเฟิลซิตี้ และที่เจมส์ ส่วนห้างลาฟาแย็ตมี 1 สาขาที่ปารีส และห้างปาร์โก ญี่ปุ่น มี 3 สาขาที่โตเกียว และ 1 สาขาที่ซับโปโร ร่วมรายการ
สำหรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญนี้ของสมาชิกทั้ง 5 ศูนย์การค้าของ 5 ประเทศนี้จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น และสามารถใช้บัตรแต่ละประเทศในศูนย์การค้าของประเทศพันธมิตรได้ทันที สำหรับเฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรของแต่ละศูนย์การค้า เช่น รับ เวลคัมกิฟต์ มูลค่า 3,000 บาท เมื่อยื่นบัตรสมาชิกที่ศูนย์การค้าพันธมิตรเหล่านี้ รับส่วนลดจากร้านค้าในศูนย์ฯ ที่ร่วมรายการ 5-50% ซึ่งในส่วนของบริษัทฯ ทั้ง 3 ศูนย์มีร้านค้าร่วมรายการประมาณ 180 ร้านค้า หรือคิดเป็น 70% ของทั้งหมด สามารถใช้บริการในเลานจ์ของแต่ละศูนย์การค้า บางแห่งอาจจะมีบริการส่งสินค้าให้ฟรี เป็นต้น ซึ่งหากรวมร้านค้าทั้งหมดจากพันธมิตรแล้วจะมีรวมประมาณ 2,000 ร้านค้า
นางสาวมยุรีกล่าวต่อว่า เป้าหมายของการทำแคมเปญนี้ เนื่องจากว่าบริษัทฯ ต้องการที่จะสร้างเน็ตเวิร์กหรือเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายตลาด รวมทั้งต้องการขยายตลาดในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยด้วยที่จะดึงดูดเข้าสู่ศูนย์การค้าของบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันนี้ต่างชาติประมาณ 40% จากทั้ง 3 ศูนย์ฯ ของบริษัทเช่นที่พารากอนมีลูกค้าเข้าศูนย์ประมาณ 200,000 คนต่อวัน ส่วนอีก 60% เป็นลูกค้าคนไทย ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศ 20% ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายประมาณ 15,000 บาทต่อครัวเรือน คาดว่าในช่วงแรกนี้จะมีลูกค้าเข้าร่วมแคมเปญประมาณ 400,000 คนต่อปี จากจำนวนผู้ถือบัตรสมาชิกทุกประเภทของพันธมิตร 5 ประเทศนี้รวมกว่า 2 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินใช้จ่ายประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี
ปัจจุบันบริษทฯ มีฐานสมาชิกผู้ถือบัตรต่างๆ ดังนี้ บัตรสกาเร็ต จำนวน 533 ราย, บัตรแพลทินัม จำนวน 20,000 กว่าราย ทั้งสองบัตรนี้บริษัทฯ เชิญให้สมัครเพราะมีการใช้จ่ายสูง บัตรวิซ มีรวม 100,000 ราย แบ่งเป็น แบบแบล็กการ์ด มีสัดส่วน 10% บริษัทเชิญสมัคร ซึ่งกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อคนต่อปี บัตรวิซไทเทเนียม มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 1 แสนบาทต่อคนต่อปี มีสัดส่วน 40% และบัตรวิซไวต์การ์ด ใช้จ่ายประมาณ 20,000 บาทต่อคนต่อปี มีสัดส่วนการถือบัตร 50% ซึ่งสองบัตรหลังต้องสมัครและเสียค่าสมัครเอง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มียอดการใช้จ่ายจากลูกค้าที่ถือบัตรทั้งหมดนี้รวมประมาณ 5,100 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว คาดว่าปีนี้จะเพิ่มอีก 10-15% และบัตรสมาชิกของบริษัทฯ ยังติด 1 ใน 2 บัตรด้านค้าปลีกที่มียอดการใช้จ่ายสูงที่สุดที่ 2 ล้านบาทต่อปีต่อคนด้วย