ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดน้ำผลไม้แข่งเดือด เติบโตแค่ 1% “มาลี” ยอมรับแชร์ร่วงไป 2% เร่งกู้คืน ออกสินค้าใหม่ “มาลี ไลท์” หวังสร้างรายได้และส่วนแบ่งคืน พร้อมปรับแผนต่างประเทศ หันโฟกัสไม่เกิน 10 ประเทศหลัก
นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่สายการขายและการตลาด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ “มาลี” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับแผนการทำตลาดต่างประเทศใหม่เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ซึ่งได้มีการจัดตั้งฝ่ายการตลาดและฝ่ายการขายขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยจะเน้นตลาดบางประเทศเท่านั้นเป็นหลักเพื่อให้สามารถโฟกัสการทำตลาดได้ รวมทั้งจะมีการผลิตและออกรสชาติสำหรับแต่ละตลาดโดยเฉพาะ ไม่ใช่เหมือนเดิมแค่นำสินค้าจากไทยไปจำหน่ายเท่านั้น
โดยจะเน้นประเทศในเออีซีมากขึ้นประมาณ 10 ประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมทั้งจีนด้วย จากเดิมที่มีมากกว่า 45 ประเทศ และเน้นเหลือ 25 ประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดอื่นก็ยังทำการส่งออกเหมือนเดิม อีกทั้งกำลังผลิตที่เพิ่งขยายเสร็จเรียบร้อยเมื่อปีที่แล้วเป็น 300 ล้านลิตรต่อปีก็สามารถรองรับได้อีก 2-3 ปี
สำหรับปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมเฉพาะในประเทศไทยประมาณ 2.5 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นรายได้จากแบรนด์ “มาลี” 60% และรายได้จากโออีเอ็ม 40% ขณะที่สัดส่วนรายได้จากในประเทศมีประมาณ 85% และรายได้จากการส่งออก 15%
นางสาวรุจิรพร ตั้งประพันธ์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ตลาดน้ำผลไม้ในไทยมีมูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท ปีนี้คาดว่าเติบโตเพียง 15% เพราะปัญหากำลังซื้อและความไม่สงบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นผลมาจากอัตราบริโภคน้ำผลไม้ของคนไทยยังต่ำอยู่ที่ 6 ลิตรต่อครอบครัวต่อปี สำหรับตลาดรวมแบ่งเป็นกลุ่มพรีเมียม 4.5 พันล้านบาท เติบโต 4% กลุ่มมีเดียม 700 ล้านบาท เติบโต 20% กลุ่มอีโคโนมี 2.3 พันล้านบาท กลุ่มซูเปอร์อีโคโนมี 1.8 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นอื่นๆ
ในส่วนของ “มาลี” ยอมรับว่าส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่ผ่านมาลดลงบ้าง เพราะการแข่งขันและสภาพปัญหาการเมืองเศรษฐกิจ รวมถึงการเลื่อนเปิดตัวสินค้าใหม่จากต้นปีมาเป็นปลายปี ทำให้แชร์เหลือ 24% จากเดิมปีที่แล้วมี 26% ส่วนผู้นำตลาดยังคงเป็น “ทิปโก้” มีแชร์ 43% และอันดับสามคือ “ยูนิฟ” มีแชร์ 16%
ล่าสุดได้เปิดตัวน้ำผลไม้ “มาลี ไลท์” แคลอรีต่ำและสารสกัดจากใบหญ้าหวานรุกตลาดในกลุ่มมีเดียม 3 รสชาติคือ ส้มแมนดารินผสมเนื้อส้ม องุ่นแดง ทับทิมผสมน้ำผลไม้รวม ขนาด 330 มล. ราคา 20 บาท และขนาด 1 พันมล. ราคา 45 บาท เป็นกล่องยูเอชที ตั้งเป้ายอดขายสินค้าใหม่ 20 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนจากนี้ สร้างการเติบโต 5% โดยปีแรกตั้งงบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท ขณะที่งบการตลาดรวมในปีนี้มีประมาณ 200 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ในช่วงเจก็ได้ออกสินค้าใหม่คือ “มาลี นิวเทรียน” เป็นเครื่องดื่มธัญญาหารสุขภาพ มี 3 รสชาติ น้ำนมข้าวโพด น้ำนมข้าวโอ๊ต และน้ำนมข้าวสีนิล วางขายที่เซเว่นอีเลฟเว่นแล้ว คาดสัดส่วนรายได้ 10% นอกจากนั้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้วได้ออกสินค้าใหม่แบรนด์ “เลอรส” เป็นขนมไทยพร้อมรับประทาน เช่น เต้าทึงน้ำลำไย วางขายในเซเว่นอีเลฟเว่นเช่นกัน