xs
xsm
sm
md
lg

MHC โกยแชร์ 20% ตลาดปลูกผมถาวร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“นพ.ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล” ศัลยแพทย์ เจ้าของศูนย์ศัลยกรรมปลูกผมถาวร “Million Hair Transplant Center” (MHC) โชว์นวัตกรรมใหม่ทางการแพทย์ด้วยหุ่นยนต์ปลูกผม “ARTAS”
เผยนวัตกรรมใหม่ใช้หุ่นยนต์ปลูกผมมูลค่าร่วม 20 ล้านบาท มาให้บริการโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นรายแรกในไทย และรายที่ 2 ในเอเชีย คาดปี 57 ทำรายได้ 80 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าผุดสาขาใหม่ปี 58 หวังเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 30%

นพ.ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล ศัลยแพทย์ เจ้าของศูนย์ศัลยกรรมปลูกผมถาวร “Million Hair Transplant Center” (MHC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการด้านศัลยกรรมปลูกผมถาวรเฉพาะทาง และในรูปแบบคลินิกความงามจากศีรษะจดปลายเท้าเพียงประมาณ 10 ราย เพราะถือเป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทาง แต่ตลาดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท โดย MHC ถือเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งประมาณ 20% จากการเปิดให้บริการครบวงจร ทั้งปลูกผม ปลูกคิ้ว และปลูกขนตา มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 40-60 ราย แบ่งเป็นผู้ชาย 80% ผู้หญิง 20% เฉลี่ยเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุ 25-35 ปี ประมาณ 25% อายุ 35-45 ปี ประมาณ 50% และผู้มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ประมาณ 25% โดยผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่ประมาณ 80% มีปัญหาผมร่วง และศีรษะล้านอันเนื่องมาจากพันธุกรรม

MHC เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2552 โดยมีการพัฒนาและขยายงานมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดได้ย้ายสถานที่ตั้งจาก ถ.สนามบินน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี มายัง ถ.พระราม 9 กรุงเทพฯ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท พร้อมกับใช้งบประมาณอีก 20 ล้านบาท ในการนำเข้านวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ล่าสุดจากประเทศสหรัฐอเมริกา คือ “ARTAS” ซึ่งถือเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่ใช้ในการทำศัลยกรรมปลูกผมโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังได้รับการรับรองด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา

“การรักษาปัญหาศีรษะล้านในอดีตที่ผ่านมา มักใช้วิธีให้ยารับประทาน ยาปลูกผม ตลอดจนถึงการผ่าตัด แต่ปัจจุบันวิทยาการด้านเทคโนโลยีการแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้น คลินิกชั้นนำด้านการรักษาโรคศีรษะล้านจึงเริ่มมีการนำเข้านวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการมากขึ้น เพราะข้อจำกัดของการรักษาคือ ต้องใช้รากผมคนไข้ซึ่งมีอยู่จำกัดและใช้แล้วหมดไป ถ้าปลูกผมแล้วไม่ขึ้นก็เท่ากับต้องเสียไปเลย และเหลือรากผมที่ใช้ได้น้อยลง”

นพ.ธิติวัฒน์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้านศัลยกรรมปลูกผมในเอเชีย เนื่องจากมีทั้งความชำนาญ และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีค่ารักษาและบริการที่ไม่สูงมากนัก โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้นำเข้าหุ่นยนต์ปลูกผม ARTAS เพียง 2 ราย คือ MHC และโรงพยาบาลศิริราช ขณะที่ในเอเชียมีเพียงประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

MHC นำหุ่นยนต์ปลูกผม ARTAS มาใช้ในการรักษาตั้งแต่ปี 2556 ถิอเป็นรายแรกของประเทศไทย และรายที่ 2 ในเอเชีย โดยให้บริการรักษาไปแล้วกว่า 3 พันราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย แต่ขณะนี้เริ่มมีผู้สนใจจากประเทศต่างๆ มาใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากมีค่าบริการต่ำกว่าประเทศอื่นๆ 3-4 เท่า ทั้งยังสามารถทำเวลาในการทำศัลยกรรมปลูกผม จำนวน 1 พันกราฟ หรือ 1 พันรูขุมขนในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง ปลูกคิ้ว 1.30-2 ชั่วโมง และปลูกขนตาเพียง 1 ชั่วโมง

นพ.ธิติวัฒน์ กล่าวด้วยว่า การนำหุ่นยนต์ปลูกผม ARTAS มาใช้ในการรักษาคาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนประมาณ 3 ปี โดยปัจจุบันผู้ใช้บริการ MHC เริ่มมีการบอกต่อกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังได้รับผลการตอบรับที่ดีผ่านการทำแคมเปญออนไลน์ทาง www.facebook.com/MillionHairTransplantCenter และ www.millionhairtransplant.com จึงคาดว่าในปี 2557 จะสามารถทำรายได้ประมาณ 80 ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าในปี 2558 จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 30% พร้อมขยายสาขาใหม่ย่านสีลม หรือสุขุมวิท โดยใช้งบประมาณลงทุน 10 ล้านบาท



กำลังโหลดความคิดเห็น