ASTVผู้จัดการรายวัน - TCEB งัดกลยุทธ์ “Thailand Mice United” นำนักธุรกิจ-ผู้สื่อข่าวต่างชาติ 250 ชีวิต ร่วมพิสูจน์สถานการณ์บ้านเมืองและศักยภาพเมืองไทยยังมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางการจัดงานไมซ์ในอาเซียน ล่าสุด ผู้นำธุรกิจเครือข่ายระดับโลก “unicity” เลือกไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมนานาชาติรองรับผู้ร่วมงานกว่า 50,000 คน ผู้บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผยปัจจัยสำคัญตลาดไทยโตติด 1 ใน 3 ของโลก แย้มแผนลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าป้อนเออีซี
นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยประสบกับปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจผันผวนตั้งแต่ปลายปี 2556 จนปัจจุบันที่กำลังจะเริ่มมีรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น TCEB มีการเตรียมแผนงาน พร้อมเร่งสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานไมซ์ (Mice) ระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สามารถกระตุ้นให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้าสู่ประเทศไทยได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2557 คาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้าสู่ประเทศไทยประมาณ 157,930 คน คิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 888,210 คน สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 87,200 ล้านบาท
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2557 TCEB ยังเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับต่างชาติด้วยการจัดงบประมาณ 10 ล้านบาทในการดำเนินโครงการ Thailand Mice United ด้วยการนำนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 150 คน และผู้สื่อข่าวต่างชาติจำนวน 100 คน เดินทางเข้ามาสัมผัสบรรยากาศภายในประเทศไทยว่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยมีการนำไปเยี่ยมชมแหล่งการค้าที่สำคัญคือราชประสงค์ รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่และขอนแก่น ซึ่ง TCEB กำหนดให้เป็น Mice City ซึ่งมีศักยภาพและความพร้อมในการจัดงานไมซ์ทัดเทียมกับกรุงเทพฯ
*** TCEB จัดงาน “เมกะ อีเวนต์” สร้างความเชื่อมั่นต่างชาติ ***
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะ TCEB เน้นกลยุทธ์การสร้างความเชื่อมั่นจากนักธุรกิจและนักเดินทางต่างชาติด้วยการดึงงานไมซ์ขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ หรือ “เมกะ อีเวนต์” (Mega Event) เข้ามาจัดมากขึ้น เพื่อเป็นการสื่อให้ประเทศต่างๆ เล็งเห็นถึงสถานการณ์ของประเทศไทยที่อยู่ในภาวะปกติและมีทั้งศักยภาพและความพร้อมด้านต่างๆ ในการจัดงานไมซ์ทุกรูปแบบ
“ในสายตานักธุรกิจและนักเดินทางต่างชาติยังคงเห็นว่าประเทศไทยมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลางการจัดงานไมซ์ของอาเซียน เพราะนอกจากจะมีภูมิประเทศอยู่ใจกลางอาเซียนที่มีความพร้อมด้านการสื่อสารและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจแล้ว ยังมีทรัพยากรธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงขนบบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่น่าสนใจซึ่งถือเป็นความต้องการหลักของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ ขณะเดียวกันอุปนิสัยคนไทยที่มีความเป็นมิตร โอบอ้อมอารี ยิ้มแย้มแจ่มใส ยังถือเป็นปัจจัยหลักที่ต่างชาติประทับใจและชื่นชอบมากเป็นพิเศษอีกด้วย”
*** unicity เลือก “ไทย” จัดงาน เมิน “เกาหลี-ญี่ปุ่น” ***
ล่าสุด บริษัท ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ จำกัด (unicity) บริษัทธุรกิจเครือข่ายรายใหญ่ของโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองโอเร็ม รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ได้เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานระดับโลก “2014 Unicity Global Convention” ซึ่งถือเป็นงานประชุมระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยจะได้เป็นเจ้าภาพ เนื่องจากจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 50,000 คน คิดเป็นผู้ร่วมงาน 20,000 คนจากประเทศต่างๆ ประมาณ 23 ประเทศ และผู้เข้าร่วมงานในประเทศ 30,000 คน โดยคาดว่าการจัดงานครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 1,780 ล้านบาท”
“การจัดงานครั้งนี้นับเป็นความภาคภูมิใจของ TCEB และประเทศไทยมาก เพราะถือเป็นการเอาชนะคู่แข่งสำคัญคือประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในทุกๆ ด้าน โดย TCEB จะเป็นผู้สนับสนุนการจัดงานทั้งในเรื่องค่าเช่าสถานที่จัดงานประชุม การประชาสัมพันธ์การจัดงาน และการอำนวยความสะดวกอื่นๆ แก่ unicity ผ่านโปรโมชันส่งเสริมการตลาด Mega Event” นายนพรัตน์กล่าวในตอนท้าย
*** ยก “เมืองไทย-คนไทย” เหมาะสมทุกด้าน ***
ทางด้าน นายคริสโตเฟอร์ คิม ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก “ยูนิซิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์” กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ unicity เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดการประชุมระดับโลก “2014 Unicity Global Convention” ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 ต.ค. 57 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมในทุกๆ ด้านที่จะจัดงานประชุมระดับโลก ทั้งด้านสถานที่ ระบบสาธารณูปโภค และสถานที่ท่องเที่ยว ประการสำคัญคืออุปนิสัยคนไทยที่ใจดีเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ จึงเชื่อว่าจะสามารถทำหน้าที่เจ้าภาพต้อนรับนักธุรกิจต่างชาติของ unicity ได้อย่างดีเยี่ยม
ปัจจุบัน unicity มีการเปิดตัวบริษัทฯ และสำนักงานอย่างเป็นทางการใน 26 ประเทศทั่วโลก จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและดูแลสุขภาพมากกว่า 300 ชนิดไปยัง 40 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยถูกจัดเป็น 1 ใน 3 ตลาดสำคัญของ unicity นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด และมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจของ unicity ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
*** เตรียมแผนลงทุนใช้ไทยเป็นศูนย์กลางเออีซี ***
“ในช่วงปี 2558-2559 unicity มีแผนการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในประเทศไทยเพื่อก่อสร้างโรงงานและใช้เป็นฐานผลิตสินค้าประมาณ 15-20 รายการเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียน โดยขณะนี้มีการผลิตสินค้าบางชนิดในลักษณะ OEM และเริ่มมีการบรรจุผลิตภัณฑ์บางชนิดในประเทศไทยแล้ว”
นายคริสโตเฟอร์ คิม กล่าวด้วยว่า หัวใจสำคัญที่ส่งเสริมให้ตลาดประเทศไทยเติบโตมากอย่างเด่นชัดคือ ผู้นำธุรกิจเครือข่าย unicity ชาวไทยซึ่งมีอุปนิสัยที่แตกต่างจากชาติอื่นๆ อย่างเห็นชัด เพราะมีความเป็นกันเอง อบอุ่น และใจดี ทั้งยังมีการสร้างระบบงานที่แข็งแกร่งด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้านบริการ หรือ Service Mind อย่างเต็มที่ จึงทำให้ทีมงานประสบผลสำเร็จทั้งด้านยอดขาย การเปิดตลาดใหม่ๆ และด้านอื่นๆ
“ผมอยู่ในธุรกิจขายตรงและระบบเครือข่ายมาประมาณ 17 ปียังต้องยอมรับว่าผู้นำธุรกิจระบบเครือข่ายคนไทยมีวิธีการสร้างระบบงานที่แข็งแกร่งและดีที่สุดในโลก ขณะเดียวกันผู้บริหารระดับสูงของ unicity ต่างก็ให้ความเคารพคนไทยว่ามีจุดเด่นที่ชาติอื่นๆ ไม่สามารถเทียบเท่าได้ โดยได้ยกย่องให้วิธีการสร้างระบบงานของผู้นำธุรกิจไทยเป็นแบบอย่างให้ชาติอื่นๆ ในอาเซียนนำไปใช้ภายใต้ชื่อ uni Power โดยมั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจของ unicity เติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง” นายคริสโตเฟอร์ คิม กล่าวในที่สุด