ธปท.คงเป้าจีดีพีปีนี้โต 1.5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเมืองช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นก็ตาม แต่มั่นใจปีหน้าจีดีพีกลับมาโตระดับ 5.5% อีกครั้ง
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังคงประเมินตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้อยู่ที่ 1.5% เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจยังติดลบจากผลกระทบปัญหาการเมือง แม้ว่าตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ดีขึ้น แต่ก็คงไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่าไตรมาส 3 และ 4 จะเติบโตเฉลี่ย 3-4% แต่ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้ 5.5% ซึ่งเป็นการเติบโตตามศักยภาพและฐานปีนี้อยู่ระดับต่ำ รวมทั้งการใช้จ่ายของภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศดีขึ้น
“เป็นไปได้ยากที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตเกิน 2% เพราะการเติบโตในระดับนี้ เศรษฐกิจในไตรมาส 3 และ 4 จะต้องเติบโตอย่างไม่ปกติ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ยกเว้นกรณีหลังน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 เพราะช่วงนั้นมีการก่อสร้างซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังเกิดน้ำท่วม เราควรอยู่กับความจริง ตัวเลขจีดีพีระดับนี้ไม่น่าอับอาย”
นายประสารกล่าวต่อไปว่า ส่วนการส่งออกปีนี้คงโตไม่มาก เนื่องจากครึ่งปีแรกภาคเอกชนชะลอการผลิตโดยหันมาใช้สินค้าคงคลัง แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังภาคเอกชนจะกลับมาผลิตสินค้าอีกครั้งเพื่อเตรียมเก็บสต๊อกสินค้า ทำให้ตัวเลขการนำเข้าและการผลิตดีขึ้น
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังคงประเมินตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้อยู่ที่ 1.5% เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจยังติดลบจากผลกระทบปัญหาการเมือง แม้ว่าตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้ดีขึ้น แต่ก็คงไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยคาดว่าไตรมาส 3 และ 4 จะเติบโตเฉลี่ย 3-4% แต่ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้ 5.5% ซึ่งเป็นการเติบโตตามศักยภาพและฐานปีนี้อยู่ระดับต่ำ รวมทั้งการใช้จ่ายของภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศดีขึ้น
“เป็นไปได้ยากที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตเกิน 2% เพราะการเติบโตในระดับนี้ เศรษฐกิจในไตรมาส 3 และ 4 จะต้องเติบโตอย่างไม่ปกติ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ยกเว้นกรณีหลังน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 เพราะช่วงนั้นมีการก่อสร้างซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังเกิดน้ำท่วม เราควรอยู่กับความจริง ตัวเลขจีดีพีระดับนี้ไม่น่าอับอาย”
นายประสารกล่าวต่อไปว่า ส่วนการส่งออกปีนี้คงโตไม่มาก เนื่องจากครึ่งปีแรกภาคเอกชนชะลอการผลิตโดยหันมาใช้สินค้าคงคลัง แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังภาคเอกชนจะกลับมาผลิตสินค้าอีกครั้งเพื่อเตรียมเก็บสต๊อกสินค้า ทำให้ตัวเลขการนำเข้าและการผลิตดีขึ้น