เผยปัจจัยหลักมาจากการเดินหมากการตลาดที่เตรียมล่วงหน้าหลังบ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทั้งการเปิดตัวเครื่องประดับเพชรรุ่นใหม่ การจัดอีเวนต์ และการร่วมมือกับพันธมิตร มั่นใจสิ้นปี 57 มียอดขายเติบโตขึ้น 20% สูงกว่าตลาดรวมที่คาดว่าน่าจะอยู่เพียงหลักเดียว พร้อมเพิ่มฐานลูกค้ากว่า 1.4 แสนราย เตรียมเปิด “แฟล็กชิปสโตร์” แห่งแรกย่านสีลมในช่วงไตรมาสที่สาม หวังขยายสาขาครบ 200 แห่งในปี 58 เพราะตลาดจะเริ่มฉายแววดีขึ้น
นางสาวอัญรัตน์ พระประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับเพชร “ยูบิลลี่” (Jubilee) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเพชรของไทยมีมูลค่าประมาณ 3.5-4 หมื่นล้านบาท จำแนกเป็นการจำหน่ายผ่านร้านเครื่องประดับเพชรประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จำหน่ายผ่านร้านทองประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และจำหน่ายผ่านเคาน์เตอร์ หรือร้านในห้างสรรพสินค้าประมาณ 6 พันล้านบาท โดยที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7-10% ในขณะที่ “ยูบิลลี่” ถือเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งประมาณ 25%
สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ภาพรวมของตลาดยังคงมีการเติบโตเพียงหนึ่งหลักเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจโดยคาดว่าทิศทางจะเริ่มดีขึ้นในปี 2558 แต่ในส่วนของ “ยูบิลลี่” กลับมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาด โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สามมีแนวโน้มว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 เพราะมีการเตรียมแผนงานด้านการตลาดและการจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงรูปแบบการเปิดตัวเครื่องประดับเพชรรุ่นใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า เพราะฉะนั้นเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มสงบและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น “ยูบิลลี่” จึงมีความพร้อมในการทำตลาดและส่งผลให้สาขาต่างๆ สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 20%
“อีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนส่งเสริมยอดขายให้ดีขึ้นคือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเริ่มมีความรู้และศึกษาเรื่องเครื่องประดับเพชรก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ จึงทำให้ช่วงที่ผ่านมามีเครื่องประดับเพชรบางแบรนด์ที่มีคุณภาพไม่สูงมากนักจำเป็นต้องปิดตัวไปแล้วหลายราย ขณะเดียวกันลูกค้าก็เริ่มไม่คำนึงเรื่องราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ เพราะปัจจุบันราคาเครื่องประดับเพชรบางประเภทมีราคาเพียงหลักหมื่นต้นๆ ซึ่งถือว่าถูกกว่าสมาร์ทโฟนบางรุ่นเสียอีก”
ในปี 2556 “ยูบิลลี่” มีสาขา 115 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนในกรุงเทพฯ 40% ต่างจังหวัด 60% สามารถทำยอดขายได้ 1,462 ล้านบาท จากฐานลูกค้าสมาชิกประมาณ 1.3 แสนราย ส่วนในปี 2557 ตั้งเป้าว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 20% พร้อมเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 130 แห่ง รวมถึงเพิ่มจำนวนลูกค้าสมาชิกเป็น 1.4 แสนราย หรือประมาณ 12% พร้อมขยายฐานลูกค้าขึ้นเป็นระดับสูงมากขึ้น จากเดิมที่อยู่ในกลุ่มวัยทำงาน ผู้บริหาร และเจ้าของกิจการ
นางสาวอัญรัตน์กล่าวด้วยว่า “ยูบิลลี่” ยังเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นด้วยการเปิด “แฟล็กชิปสโตร์” จำหน่ายเครื่องประดับเพชรแห่งแรก บนพื้นที่ 1.5 พันตารางเมตร ก่อสร้างเป็นอาคาร 4 ชั้น ย่านถนนสีลม กรุงเทพฯ โดยใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 80% คาดว่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2557
สำหรับแนวทางการทำตลาดที่สำคัญของ “ยูบิลลี่” คือการสร้างความเชื่อมั่นในตราสินค้า หรือ Brand Awareness เป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังเน้นให้ลูกค้ามีการซื้อซ้ำเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันลูกค้ามีอัตราการซื้อซ้ำประมาณ 1-2 ครั้งต่อปี เฉลี่ยประมาณ 4 หมื่นบาทต่อครั้ง ถือเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ขณะเดียวกันยังมีการร่วมมือกับพันธมิตร เช่น สถาบันการเงิน บัตรเครดิต และอื่นๆ ในการทำตลาดมากขึ้น โดยในครึ่งปีหลังซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซันของตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเพชรยังเตรียมเปิดตัวเครื่องประดับเพชรรูปแบบใหม่ๆ อีกประมาณ 200 ดีไซน์ รวมเป็น 300 ดีไซน์จาก 20 คอลเลกชัน พร้อมกันนั้นยังจะเน้นการจัดกิจกรรมและอีเวนต์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มขึ้น
“ในฐานะที่เราเป็นทั้งผู้นำตลาดและเทรนด์ของเครื่องประดับเพชรจึงจำเป็นต้องมีพัฒนาการด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันและสามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส โดยล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องประดับเพชรคอลเลกชันใหม่ล่าสุดคือ STELLA POLARE ประกอบด้วย กำไลเพชร ต่างหูเพชร และแหวนเพชร ซึ่งเป็นหนึ่งใน 300 ดีไซน์ดังกล่าว”
