ASTVผู้จัดการรายวัน - “เธียรสุรัตน์” ทุ่ม 100 ล้านบาทลุยตลาดเครื่องกรองน้ำแบรนด์ “SAFE” สู่โมเดิร์นเทรด หลังซุ่มขายแบบน็อกดอร์มากกว่า 30 ปี มั่นใจดันรายได้รวมโตปีละไม่ต่ำกว่า 20% ประเดิมสิ้นปีนี้รับรายได้ร่วม 1,200 ล้านบาท
นางสาวสวิตา แจ้งอยู่ รองกรรมการผู้จัดการสายงานตลาด บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบบบขายตรงชั้นเดียว แบรนด์ “SAFE” เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทจะเน้นขายเครื่องกรองน้ำผ่านช่องทางขายตรงชั้นเดียวรูปแบบน็อกดอร์ ในรุ่นซูเปอร์อัลคาไลน์ ราคา 9,700 บาท ด้วยพนักงานงานขายกว่า 600 ราย ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่องทางที่ยังทำรายได้ได้ดีอยู่ เฉลี่ยเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งปีที่ผ่านมาปิดรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มองว่าตลาดเครื่องกรองน้ำยังเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอัตราการครอบครองยังไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ในส่วนของบริษัทจึงต้องการเพิ่มศักยภาพในการขายสู่ช่องทางใหม่เพิ่มเติมคือ โมเดิร์นเทรดและโครงการ เช่น ออฟฟิศเมท ห้างสรรพสินค้าที่กำลังเจรจาอยู่และโครงการคอนโดมิเนียม ออริจิ้น เป็นต้น
ในปีนี้จึงพร้อมใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท พร้อมดึง “ป๋อ-ณัฐวุฒิ สะกิดใจ” ร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการสร้างแบรนด์ “SAFE” ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สำหรับงบลงทุนดังกล่าว แบ่งออกเป็น 1.งบลงทุน 60 ล้านบาท เพิ่มโรงงานแห่งที่ 2 ที่ปทุมธานี บนพื้นที่ 9 ไร่ สำหรับเพิ่มกำลังการผลิต จากเดิมทำได้ 1.5 หมื่นเครื่องต่อเดือนที่โรงงานเดิมที่ซอยสามัคคี จ.นนทบุรี มาเป็น 3 หมื่นเครื่องต่อเดือน 2.งบวิจัย พัฒนาสินค้าใหม่อีก 4 รายการ และงบการตลาด 30 ล้านบาท 3.งบ 10-15 ล้านบาท สำหรับเพิ่มสำนักงานขายอีก 3 สาขา รวมเป็น 6 สาขาคือ ร้อยเอ็ด นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ พิษณุโลก อุดรธานี และฉะเชิงเทรา และศูนย์บริการลูกค้าอีก 5 สาขา รวมเป็น 8 สาขา เช่น นครราชสีมา, ชลบุรี, นครสวรรค์, เพชรบุรี และลพบุรี เป็นต้น
นางสาวสวิตา กล่าวต่อว่า ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่จะใช้รุกในช่องทางโมเดิร์นเทรดนั้น ประกอบด้วย 4 รายการคือ 1.เหยือกน้ำ รุ่น Ecomize ราคา 1,650 บาท 2.เครื่องกรองน้ำ “SAFE” รุ่นอัลคาไลน์ มินิ ราคา 11,000 บาท 3.UV Plus และ 4.RO Mineral จากเดิมที่จับกลุ่มลูกค้าระดับซี หลังเข้าช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรดจะขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มระดับบีขึ้นไปเพิ่ม โดยเฉพาะลูกค้าคนเมืองที่มีไลฟ์สไตล์อยู่คอนโดมิเนียม
จากแผนการดำเนินงานที่วางไว้โดยได้เริ่มวางจำหน่ายสินค้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดตั้งแต่ไตรมาสสามเป็นต้นมา เชื่อว่าถึงสิ้นปีจะมีรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท และหลังจากนี้มั่นใจว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นปีละ 20%