xs
xsm
sm
md
lg

ผลสำรวจ “ทาวเวอร์ส วัทสัน” เผยค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการเพื่อสุขภาพในเอเชียคงที่ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มร.คริส เม ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลด้านสวัสดิการ ทาวเวอร์ส วัทสัน ประเทศไทย
การสำรวจแนวโน้มด้านการรักษาพยาบาลทั่วโลก ประจำปี 2014 โดยทาวเวอร์ส วัทสัน (The 2014 Towers Watson Global Medical Trends Survey) ได้รวบรวมข้อมูลจากบริษัทประกันสุขภาพชั้นนำจำนวน 173 บริษัท ใน 58 ประเทศ พบว่าค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการเพื่อสุขภาพของพนักงานทั่วโลกในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 8.3% โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสองปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 7.9% และ 7.7% ตามลำดับ ทั้งนี้ อัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของทั่วโลก

มร.แฟรนซิส โคลแมน ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาระหว่างประเทศของทาวเวอร์ส วัทสัน กล่าวว่า ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจัดสรรสวัสดิการเพื่อสุขภาพสำหรับพนักงานยังคงที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นายจ้างทั่วโลกก็ยังคงให้ความสำคัญต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายขององค์กรไม่ให้สูงขึ้นมากนัก แต่ในความเป็นจริงทุกภูมิภาคมีอัตราค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการเพื่อสุขภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 2 เท่าของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสร้างความกังวลให้แก่นายจ้างอันเนื่องมาจากบริษัทประกันส่วนใหญ่มีแผนในการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกในปีต่อๆ ไป

ด้าน มร.คริส เม ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลด้านสวัสดิการ ทาวเวอร์ส วัทสัน ประเทศไทย กล่าวว่า ในประเทศไทย รายงานผลสำรวจจากบริษัทประกันสุขภาพที่เข้าร่วมระบุว่า อัตราการเพิ่มเฉลี่ยของสวัสดิการด้านสุขภาพสำหรับพนักงานในปี 2012 และ 2013 อยู่ที่ 6.3% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยที่ต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าในปี 2014 จะมีอัตราการเพิ่มเฉลี่ยเป็น 8.7% หรือ 6.5% หากคำนวณตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งนับเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

จากรายงานการสำรวจพบว่าบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งจากทุกภูมิภาค (55%) คาดว่าแนวโน้มของสวัสดิการด้านสุขภาพจะเพิ่มขึ้น หรืออาจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในอีกสามปีข้างหน้า ซึ่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีการเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ โดยบริษัทประกันที่เข้าร่วมการสำรวจมากกว่า 2 ใน 3 (69%) คาดว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือการดูแลทางการแพทย์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากอัตราปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญในอีกสามปีข้างหน้า

รายงานการสำรวจของปีนี้ยังพบสององค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ได้แก่ พฤติกรรมของพนักงานหรือพฤติกรรมของผู้ให้บริการด้านสุขภาพโดยเทียบกับปัจจัยภายนอก เช่น เทคโนโลยีใหม่ๆ ทางการแพทย์ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง และแรงจูงใจทางด้านผลตอบแทนที่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะได้รับ ในส่วนพฤติกรรมของพนักงานหรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพนั้น 3 ใน 4 (78%) ของบริษัทประกันชีวิตทั่วโลกกังวลว่าผู้ให้บริการด้านสุขภาพมักจะแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่มากเกินความจำเป็น ในส่วนปัจจัยที่สอง (45%) เชื่อว่าผู้ประกันตนจำนวนมากมองหาแผนประกันที่ไม่เหมาะกับตน ปัจจัยลำดับที่สามคือจำนวนบริษัทประกันที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจโยงไปถึงการมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ไม่ดีพอนั่นเอง

  • ริเริ่มการจัดการด้านค่าใช้จ่าย


การใช้บริการเครือข่ายผู้ให้บริการด้านสุขภาพแบบมีพันธสัญญา (63%) และการบริการอนุมัติล่วงหน้าสำหรับผู้ป่วยใน (68%) ยังคงอยู่ในโปรแกรมการจัดการค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพสามอันดับแรก แต่อย่างไรก็ตามบริษัทประกันชีวิตส่วนใหญ่ (71%) มักจะวางข้อจำกัดในบริการบางประเภท เพื่อใช้เป็นข้ออ้างอิงในการรักษาพยาบาลบางรายการโดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

ทั้งนี้ จากการสำรวจยังพบข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามว่า ขีดความสามารถในการนำเสนอเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจากภาคส่วนต่างๆ นั้นมีเพิ่มขึ้น โดยบริการสามอันดับแรกที่เกือบ 2 ใน 3 ของบริษัทประกันเลือกนำเสนอ ได้แก่ การขอความคิดเห็นที่สองทางการแพทย์ การตรวจสอบข้อมูลทางชีวภาพ และการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวัน

ดร.ราเจชรี พาเรค ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพองค์กร ทาวเวอร์ส วัทสัน เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า จากรายงานพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของนายจ้างภายในภูมิภาคเอเชีย (44%) ได้ผนวกโปรแกรมการดูแลสุขภาพหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตเข้ากับโปรแกรมสุขภาพขององค์กรเพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการควบคุมค่าใช้จ่ายทางการแพทย์

“สิ่งนี้จึงช่วยผลักดันให้นายจ้างเห็นว่าพวกเขาสามารถจัดการค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้โดยองค์รวม โดยที่พนักงานสามารถมีส่วนร่วมเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองในระยะยาวได้ และช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านสุขภาพในการดำเนินชีวิตได้อย่างยั่งยืน วิธีการจัดการค่าใช้จ่ายแบบใหม่นี้ได้ถูกนำมาใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และนายจ้างจะเห็นผลตอบแทนที่จับต้องได้จากการลงทุนนี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงสุขภาพกายที่ดีขึ้นของพนักงานหรือ ความสุขที่เพิ่มขึ้นในที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความมั่นคงทางธุรกิจอีกด้วย” ดร.พาเรคกล่าวเพิ่มเติม

ด้าน มร.คริส กล่าวเสริมว่า “แนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นของโปรแกรมด้านการดูแลสุขภาพส่งผลรวมถึงในประเทศไทยด้วย โดยบริษัทต่างๆ ต่างเริ่มหันมาใช้มาตรการการป้องกันเพื่อพัฒนาสุขภาพของพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแผนการช่วยเหลือ (Employee Assistance Plans) ในช่วงเวลาที่พนักงานมีความเครียด หรือการจัดให้มีการตรวจสุขภาพหรือประเมินผลด้านความเสี่ยงต่อสุขภาพของพนักงาน เพื่อให้พนักงานรับทราบและเข้าใจถึงสถานะทางด้านสุขภาพของตนเองทั้งในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันหลายองค์กรในประเทศไทยต่างเริ่มยอมรับแนวคิดเรื่อง “Happy Workplace” มากขึ้น เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิต และสุขภาพของพนักงาน ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพของพนักงานลงได้ในอนาคต”

  • เกี่ยวกับการสำรวจ


รายงานการสำรวจแนวโน้มด้านการรักษาพยาบาลทั่วโลก ประจำปี 2014 โดยทาวเวอร์ส วัทสัน ดำเนินการช่วงเดือนพฤศจิกายน 2013-มกราคม 2014 โดยได้รับข้อมูลจากบริษัทประกันชีวิตชั้นนำทั่วโลก จำนวน 173 บริษัท ใน 58 ประเทศ (ซึ่งบริษัทประกันชีวิตมีตัวแทนอยู่ในประเทศเหล่านั้น)

  • เกี่ยวกับ ทาวเวอร์ส วัทสัน


ทาวเวอร์ส วัทสัน (NYSE, NASDAQ: TW) เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำระดับโลกที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานผ่านการจัดการบุคลากร การบริหารความเสี่ยง และการจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทนำเสนอโซลูชันในส่วนของสิทธิประโยชน์สำหรับพนักงาน การจัดการทักษะความสามารถ ผลตอบแทน รวมถึงการจัดการความเสี่ยงและเงินทุน ด้วยบุคลากรร่วมงาน (associate) 14,000 คนทั่วโลก อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.towerswatson.com/en-TH


กำลังโหลดความคิดเห็น