“GFK” สนใจเข้าร่วมประมูลทีวีเรตติ้งไทย เตรียมความพร้อมเรียบร้อย รอแค่ไลเซนส์ และทีโออาร์จาก กสทช.ที่ชัดเจนเท่านั้น ชี้หลายชาติพุ่งเป้ามาที่ไทย เพราะโอกาสจะเปิดประมูลในโลกนี้มีน้อยมาก เบื้องต้นคาดลงทุนวางระบบ 150 ล้านบาท เผยตลาดรวมวิจัยนิ่งเพราะผลกระทบจากการเมืองและเศรษฐกิจ
นางดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอฟเค มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท จีเอฟเค ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศเยอรมนีมีความสนใจที่จะเข้าร่วมการประมูลทีวีเรตติ้งในไทย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมการและการศึกษาหาข้อมูลเช่นเดียวกับที่มีหลายบริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลเช่นกัน ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานที่กำกับดูแล คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เท่าที่ทราบมาคือ กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการแต่ยังไม่มีข้อสรุปออกมาถึงรายละเอียดต่างๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งในเรื่องของการออก พ.ร.บ. หรือทีโออาร์มารองรับ
“โอกาสที่ในโลกนี้จะมีการประมูลทำวิจัยทีวีเรติติ้งนี้มีน้อยมาก เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างประเทศไทยเองก็ว่างเว้นการประมูลมานานกว่า10 ปีแล้ว หลังจากที่มีการประมูลกันเมื่อหลายปีก่อนซึ่งยังมีรายเก่าทำอยู่ แต่หลายๆ ประเทศก็สนใจตลาดทีวีเรตติ้งไทย ล่าสุดกลุ่มจีเอฟเคเพิ่งจะชนะการประมูลทำทีวีเรตติ้งที่ประเทศบราซิลและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งในส่วนของเราก็มีผู้บริหารระดับสูงคือ โกลบัลไดเรกเตอร์ทางด้านทีวีเรตติ้ง รวมถึงมีเดียและเฮด ออฟ รีจินัล จากสิงคโปร์มาร่วมประชุมวางแนวทางไว้แล้วเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง อีกทั้งยังมีการเข้าร่วมประชุมกับ กสทช. เพื่อทราบถึงนโยบายและแนวทางต่างๆ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันด้วย”
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังไม่ทราบรายละเอียดและความชัดเจนของทีโออาร์และการดำเนินงานของ กสทช.ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร คาดว่าน่าจะเป็นปลายปีนี้จึงจะมีความชัดเจนได้ เพราะแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เช่น ในบราซิล มีประชากรกว่า 190 ล้านคน ใช้กลุ่มตัวอย่างประมาณ 6,000 ครัวเรือนเราชนะประมูลเมื่อปี 2556 ได้สัญญานาน 5 ปี จะเริ่มปี 2558 ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย มีประชากรแค่ 28 ล้านคนก็ใช้กลุ่มตัวอย่างไม่เท่ากัน แต่บริษัทน ก็ชนะประมูลเมื่อต้นปีนี้ได้สิทธิ์ 5 ปี และคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานปี 2558 หรือที่เยอรมนีมีประชาก 80 ล้านคน แต่จำนวนกลุ่มตัวอย่างประมาณ 5,000 ครัวเรือน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่าจะต้องลงทุนขั้นต่ำประมาณ 100-150 ล้านบาทเพื่อลงทุนทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร และการคัดสรรครัวเรือนตัวอย่างที่จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มตัวอย่างที่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าเท่าใด เพราะแต่ละประเทศกลุ่มครัวเรือนมีความแตกต่างกันทั้งด้านเชื้อชาติ และพฤติกรรมการชมสื่อ เป็นต้น โดยคาดว่าในช่วงปีต่อๆ ไปจะต้องลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 150-200 ล้านบาท ซึ่งจีเอฟเคมีความพร้อมอยู่แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่ทำวิจัยทั้งทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์มานานกว่า 40 ปี
นางดารณีกล่าวต่อถึงตลาดรวมวิจัยในไทยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนี้คาดว่าตลาดรวมไม่มีการเติบโตและแต่ละบริษัทฯ ก็อยู่ในภาวะเหมือนกัน เนื่องจากปัญหาทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ผ่านมา โดยในส่วนของบริษัทเองก็พลาดเป้าหมายไม่ถึงเป้าหมาย ต่ำกว่าที่คาดการณ์ 50% คาดว่าทั้งปีตลาดรวมจะเติบโตประมาณ 7% ซึ่งปีที่แล้วก็เติบโตประมาณ 7% จากตลาดรวม 5,153 ล้านบาท
“แต่ในภาพรวมไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับการทำธุรกิจการวิจัย ไทยถือเป็นอันดับที่ 26 ของโลก และเป็นอันดับที่ 6 ของเอเซียแปซิฟิก โดยมูลค่ายังน้อยและมีโอกาสเติบโตอีกมาก เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ใช้ต่อการวิจัยต่อคนพบว่าไทยใช้เพียง 2.39 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ขณะที่เม็ดเงินทางด้านโฆษณาเฉลี่ย 62.21 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี แต่ประเทศที่เป็นตลาดใหญ่เช่น ออสเตรเลีย ใช้งบวิจัยประมาณ 32.18 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี และใช้งบโฆษณามากถึง 599.61 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี หรือนิวซีแลนด์ใช้เงินประมาณ 21.55 เหรียญสหรัฐในแง่การทำวิจัย และใช้ประมาณ 374.53 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปีในแง่การโฆษณา”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์เริ่มดีขึ้น สังเกตุจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีปริมาณลูกค้าและยอดบิลลิ่งเริ่มเข้ามามากเพียงแค่ 2 สัปดาห์แรกเดือนนี้เทียบเท่ากับปริมาณงานและยอดบิลลิ่งครึ่งปีแรกนี้เลยทีเดียว มีทั้งลูกค้าเก่าที่ชะลองานไว้และลูกค้าใหม่ รวมทั้งต่างประเทศที่ติดต่อเข้ามาด้วย เช่น เอสซีจีกรุ๊ป เป๊ปซี่โคเซอร์วิส โตโยต้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนที่จะออกนวัตกรรมใหม่ในการทำงานให้กับลูกค้าคือ Market Opportunity and Innovation หรือ MoI คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้นนวัตกรรมการเสนอและสร้างโอกาสสำหรับความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ และมีแผนที่จะรวมบริษัทในเครืออีกแห่งคือ บริษัท จีเอฟเครีเทล แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด มาเข้ารวมกันเป็น บริษัท วัน จีเอฟเค เข้ามาอยู่ในบริษัทเดียวกันชื่อใหม่ว่า บริษัท วัน จีเอฟเค จำกัด
นางดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอฟเค มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท จีเอฟเค ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศเยอรมนีมีความสนใจที่จะเข้าร่วมการประมูลทีวีเรตติ้งในไทย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเตรียมการและการศึกษาหาข้อมูลเช่นเดียวกับที่มีหลายบริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลเช่นกัน ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานที่กำกับดูแล คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เท่าที่ทราบมาคือ กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการแต่ยังไม่มีข้อสรุปออกมาถึงรายละเอียดต่างๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งในเรื่องของการออก พ.ร.บ. หรือทีโออาร์มารองรับ
“โอกาสที่ในโลกนี้จะมีการประมูลทำวิจัยทีวีเรติติ้งนี้มีน้อยมาก เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างประเทศไทยเองก็ว่างเว้นการประมูลมานานกว่า10 ปีแล้ว หลังจากที่มีการประมูลกันเมื่อหลายปีก่อนซึ่งยังมีรายเก่าทำอยู่ แต่หลายๆ ประเทศก็สนใจตลาดทีวีเรตติ้งไทย ล่าสุดกลุ่มจีเอฟเคเพิ่งจะชนะการประมูลทำทีวีเรตติ้งที่ประเทศบราซิลและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งในส่วนของเราก็มีผู้บริหารระดับสูงคือ โกลบัลไดเรกเตอร์ทางด้านทีวีเรตติ้ง รวมถึงมีเดียและเฮด ออฟ รีจินัล จากสิงคโปร์มาร่วมประชุมวางแนวทางไว้แล้วเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง อีกทั้งยังมีการเข้าร่วมประชุมกับ กสทช. เพื่อทราบถึงนโยบายและแนวทางต่างๆ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันด้วย”
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังไม่ทราบรายละเอียดและความชัดเจนของทีโออาร์และการดำเนินงานของ กสทช.ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร คาดว่าน่าจะเป็นปลายปีนี้จึงจะมีความชัดเจนได้ เพราะแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เช่น ในบราซิล มีประชากรกว่า 190 ล้านคน ใช้กลุ่มตัวอย่างประมาณ 6,000 ครัวเรือนเราชนะประมูลเมื่อปี 2556 ได้สัญญานาน 5 ปี จะเริ่มปี 2558 ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย มีประชากรแค่ 28 ล้านคนก็ใช้กลุ่มตัวอย่างไม่เท่ากัน แต่บริษัทน ก็ชนะประมูลเมื่อต้นปีนี้ได้สิทธิ์ 5 ปี และคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานปี 2558 หรือที่เยอรมนีมีประชาก 80 ล้านคน แต่จำนวนกลุ่มตัวอย่างประมาณ 5,000 ครัวเรือน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่าจะต้องลงทุนขั้นต่ำประมาณ 100-150 ล้านบาทเพื่อลงทุนทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร และการคัดสรรครัวเรือนตัวอย่างที่จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มตัวอย่างที่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าเท่าใด เพราะแต่ละประเทศกลุ่มครัวเรือนมีความแตกต่างกันทั้งด้านเชื้อชาติ และพฤติกรรมการชมสื่อ เป็นต้น โดยคาดว่าในช่วงปีต่อๆ ไปจะต้องลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 150-200 ล้านบาท ซึ่งจีเอฟเคมีความพร้อมอยู่แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่ทำวิจัยทั้งทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์มานานกว่า 40 ปี
นางดารณีกล่าวต่อถึงตลาดรวมวิจัยในไทยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนี้คาดว่าตลาดรวมไม่มีการเติบโตและแต่ละบริษัทฯ ก็อยู่ในภาวะเหมือนกัน เนื่องจากปัญหาทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ผ่านมา โดยในส่วนของบริษัทเองก็พลาดเป้าหมายไม่ถึงเป้าหมาย ต่ำกว่าที่คาดการณ์ 50% คาดว่าทั้งปีตลาดรวมจะเติบโตประมาณ 7% ซึ่งปีที่แล้วก็เติบโตประมาณ 7% จากตลาดรวม 5,153 ล้านบาท
“แต่ในภาพรวมไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับการทำธุรกิจการวิจัย ไทยถือเป็นอันดับที่ 26 ของโลก และเป็นอันดับที่ 6 ของเอเซียแปซิฟิก โดยมูลค่ายังน้อยและมีโอกาสเติบโตอีกมาก เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ใช้ต่อการวิจัยต่อคนพบว่าไทยใช้เพียง 2.39 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ขณะที่เม็ดเงินทางด้านโฆษณาเฉลี่ย 62.21 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี แต่ประเทศที่เป็นตลาดใหญ่เช่น ออสเตรเลีย ใช้งบวิจัยประมาณ 32.18 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี และใช้งบโฆษณามากถึง 599.61 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี หรือนิวซีแลนด์ใช้เงินประมาณ 21.55 เหรียญสหรัฐในแง่การทำวิจัย และใช้ประมาณ 374.53 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปีในแง่การโฆษณา”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์เริ่มดีขึ้น สังเกตุจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีปริมาณลูกค้าและยอดบิลลิ่งเริ่มเข้ามามากเพียงแค่ 2 สัปดาห์แรกเดือนนี้เทียบเท่ากับปริมาณงานและยอดบิลลิ่งครึ่งปีแรกนี้เลยทีเดียว มีทั้งลูกค้าเก่าที่ชะลองานไว้และลูกค้าใหม่ รวมทั้งต่างประเทศที่ติดต่อเข้ามาด้วย เช่น เอสซีจีกรุ๊ป เป๊ปซี่โคเซอร์วิส โตโยต้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนที่จะออกนวัตกรรมใหม่ในการทำงานให้กับลูกค้าคือ Market Opportunity and Innovation หรือ MoI คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้นนวัตกรรมการเสนอและสร้างโอกาสสำหรับความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ และมีแผนที่จะรวมบริษัทในเครืออีกแห่งคือ บริษัท จีเอฟเครีเทล แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด มาเข้ารวมกันเป็น บริษัท วัน จีเอฟเค เข้ามาอยู่ในบริษัทเดียวกันชื่อใหม่ว่า บริษัท วัน จีเอฟเค จำกัด