เผยตลาดผงโลหะขยายตัวตามอัตราการเติบโตอุตฯ ชิ้นส่วนรถยนต์ เตรียมเจาะตลาดเพิ่มในเออีซี ตั้งเป้าทำยอดขายปี 57 เพิ่มขึ้น 10-15% จากยอดขาย 1 หมื่นตัน พร้อมส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50%
นายบุณยวัฒน์ ธีรประเวศน์กุล ผู้จัดการหน่วยธุรกิจ บริษัท แอ็คมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดผงเหล็กและผงโลหะเพื่องานอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ ด้วยยอดขายเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผงเหล็กเป็นรายแรกของประเทศไทยโดยเริ่มต้นมาจากการอุตสาหกรรมพ่นพอกผิวแข็งด้วยผงโลหะ จนปัจจุบันถือเป็นโอกาสพิเศษครบรอบ 30 ปีที่เริ่มทำตลาด จึงมีโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อจะขยายตลาดผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่นๆ พร้อมทั้งขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดและข้อได้เปรียบในเรื่องการขนส่ง โดยจะเน้นกลุ่มประเทศอาเซียนใหม่ หรือ CLMV คือกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ก่อนที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นลำดับต่อไป
ปัจจุบันตลาดผงเหล็กในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท คิดเป็นปริมาณประมาณกว่า 2 หมื่นตัน โดยขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้นจากเดิมที่มีประมาณ 3-4 ราย โดย “แอ็คมี่-อินเตอร์” ถือเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% จากยอดจำหน่ายประมาณ 1 หมื่นตันในปี 2556 โดยคาดว่าในปี 2557 จะสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายได้เป็น 1.2 หมื่นตัน
นายบุณยวัฒน์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีแหล่งแร่คุณภาพสูงในระดับที่จะสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตได้ บริษัทจึงต้องนำเข้าผงเหล็กมาจาก บริษัท เฮอกาแนส เอบี จำกัด (Höganäs AB) ประเทศสวีเดน ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายผงเหล็กเพื่องานอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีโรงงานผลิตกระจายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา เบลเยียม บราซิล จีน และญี่ปุ่น ขณะเดียวกันยังมีการนำเข้าโลหะผงและวัตถุดิบประสิทธิภาพสูงอื่นๆ เช่น ผงทองแดงจากประเทศอังกฤษ ผงแกรไฟต์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงวัตถุดิบสำหรับผ้าเบรคจากเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาบริษัท แอ็คมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจโดยครอบครัว “ธีรประเวศน์กุล” ในสัดส่วน 100% แต่เนื่องจากการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับบริษัท เฮอกาแนส เอบี จำกัด (Höganäs AB) มาอย่างยาวนาน จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการร่วมลงทุนเพื่อขยายธุรกิจร่วมกันในอนาคต เนื่องจากที่ผ่านมานอกจาก แอ็คมี่-อินเตอร์ จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องแล้ว ทางบริษัทฯ ยังทำสต็อกผงเหล็กและวัสดุอื่นๆ ให้ลูกค้าเพื่อทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการ โดยปัจจุบัน “แอ็คมี่-อินเตอร์” มีลูกค้าหลักๆ หลายราย อาทิ ฮิตาชิ, ซูมิโตโม่, ไทยไฟน์ซินเตอร์, ไทยคาร์บอนแอนด์กราไฟท์, ไทยเจียและอื่นๆ อีกมาก
“สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจผงเหล็กแต่อย่างใด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของลูกค้าไม่ได้ผลิตเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศเท่านั้นแต่ยังมีการส่งออกไปทั่วโลกด้วย ในขณะที่นโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาลชุดก่อนถือว่าแม้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดได้ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อผลักดันนโยบายแล้วกลับทำให้เกิดปัญหาการสวิงของกำลังการผลิตมาตั้งแต่ปี 2555 จึงทำให้ภาพรวมของตลาดไม่นิ่งเท่าที่ควร” ผู้จัดการหน่วยธุรกิจ บริษัท แอ็คมี่-อินเตอร์ กล่าวเสริม
ในตอนท้าย นายบุณยวัฒน์ ยังอธิบายถึงกระบวนการผลิตผงเหล็กด้วยว่า มีสองรูปแบบหลักๆ โดยแบบแรกเป็นการใช้แร่เหล็กมาผลิต จะได้ผงเหล็กที่มีรูพรุนสูง และแบบที่สองจะใช้เศษเหล็กคุณภาพสูงมาผลิต จะได้ผงเหล็กที่มีเม็ดกลมและความหนาแน่นสูงกว่า โดยผงเหล็กถูกนำมาใช้อย่างมากในการผลิตชิ้นส่วนโลหะด้วยกรรมวิธีทางโลหะผง หรือ Powder Metallurgy (PM) โดยเทคนิคการผลิตด้วยกรรมวิธีทางโลหะผงนี้สามารถผลิตชิ้นงานขึ้นได้โดยไม่เกิดการสูญเสียเนื้อวัสดุ หรือเกิดการสูญเสียในอัตราที่ต่ำมาก และยังสามารถผลิตชิ้นงานที่มีความซับซ้อนได้ในปริมาณมากๆ จึงเหมาะสมกับการผลิตชิ้นงานที่มีจำนวนมากๆ อาทิ ชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น