สมาคมอุตฯ เซลล์แสงอาทิตย์เตรียมยื่นหนังสือถึง “ประยุทธ์” หัวหน้า คสช.ในฐานะประธาน กพช. และ “ประจิน” หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.ให้ยกเลิกโครงการโซลาร์ชุมชน 800 เมกะวัตต์ตามกรอบมติ กพช. ก.ค. 56 เตรียมถกเอกชน 100 ราย 25 มิ.ย.นี้หารูปแบบใหม่ เล็งเสนอให้ยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่แทน
นายดุสิต เครืองาม นายกสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ทางสมาคมฯ จะทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อให้พิจารณายกเลิกโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนที่มีเป้าหมาย 1 ชุมชน 1 เมกะวัตต์ 800 หมู่บ้านรวม 800 เมกะวัตต์ ตามมติ กพช. ก.ค. 56 เนื่องจากเห็นว่าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขชุมชนไม่ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
“การหารืออย่างไม่เป็นทางการเราเห็นตรงกันว่าควรจะยกเลิกโครงการนี้ตามมติ กพช.เดิมออกไป แต่วันที่ 25 มิ.ย.นี้สมาชิกของสมาคมฯ ประมาณ 100 รายซึ่งจะมีทั้งผู้ผลิตแผงโซลาร์ อุปกรณ์ต่างๆ ฯลฯ จะหารือถึงรายละเอียดว่าจะมีแนวทางให้เกิดโครงการนี้ในรูปแบบใดที่เหมาะสม โดยหลักการการส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ให้ชุมชนมีส่วนร่วมยังคงเป็นหลักการที่เราสนับสนุนอยู่” นายดุสิตกล่าว
ทั้งนี้ รูปแบบของการส่งเสริมตามกรอบมติกพช.เดิมมีความน่าเป็นห่วงที่ผลประโยชน์ไม่ตกถึงชุมชนแต่เปิดโอกาสให้นักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์เนื่องจากเกณฑ์คัดเลือกไม่ได้ระบุอะไรที่ชัดเจนแค่ความพร้อมเรื่องที่ดิน การคัดเลือกเสนอขายไฟเท่าที่ทราบมีการกินหัวคิวของเงินลงทุนทั้งหมด ขณะเดียวกันหน่วยงานสำนักงานกองทุนชุมชนแห่งชาติที่ชุมชนจะต้องจดทะเบียนด้วยนั้นก็ยังไม่มีควาพมร้อมในการดำเนินการใดๆ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าเนื้อหาไม่มีรายละเอียดมากพอ บางเรื่องมีแนวโน้มว่าจะขัดกฎหมายการเงินการคลังด้วยซ้ำ สมาคมฯ จึงเห็นว่าควรจะยกร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่
สำหรับความคืบหน้าโครงการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน (โซลาร์รูฟท็อป) ขณะนี้เริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้นหลังจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายออกกฎกระทรวงที่จะยกเว้นให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปไม่เกิน 1,000 กิโลวัตต์ไม่ต้องขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือ รง.4 โดยเบื้องต้นทาง กรอ.แจ้งว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะประกาศอย่างเป็นทางการได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 นิ้ ปัญหาความไม่ชัดเจนในจุดนี้ก็จะหมดไปเอกชนก็จะเดินหน้าได้ทันที
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการใช้แผงและอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ที่ผลิตได้ในประเทศเป็นหลักก่อนเพื่อส่งเสริมกิจการคนไทย และเป็นการสนับนุนการวิจัยและพัฒนาเนื่องจากโซลาร์เซลล์นั้นเป็นเทรนด์ของโลก ซึ่งจะเห็นว่าแม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา และยุโรปยังมีการกำหนดกำแพงภาษีนำเข้าแผงและอุปกรณ์โซลาร์เซลล์เฉลี่ย 30-35% ซึ่งไทยเองก็ควรจะพิจารณาเช่นกัน
