“คสช.” เตรียมหารือพลังงานปฏิรูปวิธีการสื่อสารให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้นโดยเฉพาะการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เหตุที่ผ่านมาการนำเสนอเน้นเทคโนโลยี สถิติ กราฟิกแต่ประชาชนไม่เข้าใจ ยอมรับภาคใต้ระยะยาวต้องมีโรงไฟฟ้าเพิ่มแต่ยังไม่ฟันธงเป็นเชื้อเพลิงใดหลังลงพื้นที่ดูแผนรับมือ JDA หยุดจ่าย มั่นใจไร้ปัญหาแต่ห่วงช่วง 21 มิ.ย.ใช้ไฟอาจเพิ่ม สั่ง กฟผ.เตรียมพร้อม 24 ชม.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยระหว่างการนำคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสื่อมวลชน เดินทางไปติดตามสถานการณ์โรงไฟฟ้าในภาคใต้ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช วันนี้ (16 มิ.ย.) ว่า เร็วๆ นี้ คสช.จะหารือกับกระทรวงพลังงานเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การปฏิรูปพลังงาน โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ โดยเห็นว่าควรจะปรับรูปแบบการนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจง่ายมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงนโยบายของ คสช. เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐใช้การสื่อสารที่เน้นเทคโนโลยี ภาพกราฟิก และสถิติตัวเลข ทำให้ประชาชนยังไม่เข้าใจเท่าที่ควร
“มั่นใจว่าปริมาณการใช้ไฟในภาคใต้จะทยอยเติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จึงจำเป็นต้องมีการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อให้ปริมาณไฟฟ้าสำรองในพื้นที่เพียงพอ แต่ในการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ยังไม่สามารถระบุว่าต้องใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหรือไม่ เพราะต้องศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน รวมทั้งนโยบายการขยายสายส่งไฟฟ้าขนาด 500 เควีจากภาคกลางไปยังภาคใต้ ก็ต้องศึกษาว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนเพียงใด” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
สำหรับการลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ เนื่องจากมีความกังวลการหยุดจ่ายก๊าซพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ JDA ระหว่าง 13 มิ.ย.-10 ก.ค. รวม 28 วัน ซึ่งทำให้โรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา หยุดผลิต 710 เมกะวัตต์ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านไฟฟ้าใน 14 จังหวัดใต้ แต่เมื่อได้รับทราบข้อมูลของทุกหน่วยงานที่มีมาตรการเตรียมพร้อมทุกด้านแล้วก็มั่นใจและขอยืนยันกับประชาชนในภาคใต้ว่าไม่ต้องวิตกกังวลเพราะ กฟผ.มีแผนรองรับเหตุฉุกเฉินไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังห่วงวันที่ 21 มิ.ย.เป็นต้นไปความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ อาจเพิ่มมากขึ้นเพราะเป็นช่วงเข้าสู่เทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม และเป็นช่วงเวลาที่เทศกาลฟุตบอลโลกเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น อาจทำให้ประชาชนสนใจรอดูการถ่ายทอดสดมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ กฟผ.และทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเกรงว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจริงๆ ต้องมีการทยอยดับไฟฟ้าบางจุดใน 19 ระดับตามแผนการดับไฟฟ้าหากเกิดความจำเป็น ก็ต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต้องดับไฟรับทราบ และต้องจัดรถโมบายล์ให้พร้อมเพื่อเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าในบางพื้นที่จำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน
“เมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ภาคใต้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวันที่ 15 มิ.ย.พบว่าความต้องการใช้มาอยู่ที่ 2,286 เมกะวัตต์ ถือว่าอยู่ในระดับที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะขีดความสามารถในการรับมือที่ กฟผ.กำหนดไว้คือ สามารถรองรับความต้องการสูงสุดในภาคใต้ได้ 2,400 เมกะวัตต์” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. กฟผ.ได้สั่งซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาเลเซีย 196 เมกะวัตต์ ในราคาหน่วยละ 8.50 บาท ซึ่งเป็นการซื้อไฟฟ้าครั้งแรกตามที่ได้ทำสัญญากับการไฟฟ้ามาเลเซีย และสถานการณ์ในขณะนี้ขอยืนยันว่า กฟผ.จะสามารถรับมือกับปัญหาการซ่อมบำรุง JDA ได้
“กฟผ.มีแผนรองรับฉุกเฉินไว้หากความต้องการใช้ไฟฟ้าจะสูงกว่าปริมาณที่จัดหาได้ในพื้นที่ภาคใต้ เช่น การส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางไปยังภาคใต้ ที่จะส่งได้ประมาณ 700 เมกะวัตต์ การรับซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซีย ที่ได้เจรจาไว้เรียบร้อยแล้ว และความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการผลิต ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ไม่มีปัญหาไฟฟ้าตกหรือดับใน 14 จังหวัดได้อย่างแน่นอน” นายสุนชัยกล่าว
